ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้!! 5 ปัจจัยที่จะทำให้ “หงส์” สยบ “บาร์เซโลน่า”

ฟุตบอลถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปอย่าง “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก” เดินทางมาถึงรอบตัดเชือกกันแล้ว โดยเกม “บิ๊กแมตช์” ในรอบนี้คงหนีไม่พ้นเกมระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมขวัญใจมหาชนจากเกาะอังกฤษ กับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งสเปน

โดยนัดแรกจะประเดิมกันในค่ำคืนนี้ (1 พ.ค.) เวลา 02.00 น. ลิเวอร์พูล จะบุกไปเยือนคัมป์นูของ บาร์เซโลน่า ก่อน ซึ่งถึงแม้เหล่า “เดอะค็อป” จะมองว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะลุ้นไปเก็บชัยในคัมป์นู แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้ “หงส์แดง” มีลุ้นบุกมาเอาชนะได้ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลยครับผม

เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค

ปฎิเสธไม่ได้ว่า ปราการหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกคือ ผู้ที่เข้ามายกระดับเกมรับของ ลิเวอร์พูล ให้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา กัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ครบทุกนัดในเกมลีก และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ “หงส์แดง” เสียประตูน้อยที่สุดในลีกเพียงแค่ 20 ประตูจาก 36 เกมเท่านั้น

ดังนั้นในเกมที่จะเจอกับ บาร์เซโลน่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะฝากความหวังให้ ฟาน ไดจ์ค หยุดเกมรุกที่ยอดเยี่ยมของ บาร์ซา เอาไว้ให้ได้ ซึ่งดูชื่อชั้นแต่ละคนแล้วก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่งานง่าย แต่ ฟาน ไดจ์ค คงจะทำสุดความสามารถแต่เขาจะทำได้ตามที่ “เดอะค็อป” คาดหวังเอาไว้หรือไม่นั้น ค่ำคืนนี้ที่ คัมป์นู มีคำตอบให้อย่างแน่นอน

ลิโอเนล เมสซี่

ถ้า ฟาน ไดจ์ค คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรับของ ลิเวอร์พูล บุรุษที่ชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุกของ บาร์เซโลน่า เช่นกัน ในฤดูกาลนี้กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า ซัดไปแล้ว 46 ลูกในทุกรายการ พร้อมทำสถิติยิงประตูเกิน 40 ลูกในทุกรายการเป็นฤดูกาลที่ 10 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว

แน่นอนว่า การได้เล่นในบ้านท่ามกลางแฟนบอลในอ่างยักษ์ที่คัมป์นู เมสซี่ และผองเพื่อนคงจะดาหน้าบุกใส่เพื่อยิงประตูตุนเอาไว้เพื่อกำความได้เปรียบก่อนไปเยือน ลิเวอร์พูล ในเกมนัดที่ 2 อย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกันเหล่า “เดอะค็อป” ก็ภาวนาให้ เมสซี่ รวมถึงผู้เล่นในแนวรุกของ บาร์ซ่า ต่างพร้อมใจกันเล่นผิดฟอร์ม หรือพูดง่ายๆ คือ “ปืนฝืด” เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่า ลิเวอร์พูล ก็โอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้ที่คัมป์นูได้เช่นกัน

แต่ถ้าหากไม่เป็นดังหวัง “ก็ตัวใครตัวมัน” ครับผม

3 ประสานในแนวรุก

“ซาลาห์-มาเน่-ฟิร์มิโน่” คือ 3 ประสานในแนวรุกที่ลงตัวที่สุดของลิเวอร์พูลในห้วงเวลานี้ ซึ่งในฤดูกาลนี้ทั้ง 3 คนช่วยกันซัดไปแล้วถึง 65 ประตูในทุกถ้วยทุกรายการ แบ่งเป็น ซาลาห์ 25 ประตู, มาเน่ 24 ประตู และ ฟิร์มิโน่ 16 ประตู

ส่วนในเกมที่คัมป์นูถ้าหากทั้ง 3 คนเล่นกันได้อย่างท็อปฟอร์มเหมือนในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมาในลีก ก็เชื่อได้เลยว่า ยากที่จะมีกองหลังทีมใดหยุดพวกเขาได้ อยู่ที่ว่า จะยิงได้กี่ประตูก็แค่นั้นเอง

กองหลังเจ้าบ้าน

“เกมรับ” ที่ดีที่สุดคือ “เกมรุก”

นี่คือปรัชญาการทำทีมของโค้ชทุกคนของ บาร์เซโลน่า ในช่วงหลาย 10 ปีหลัง เพราะต้องยอมรับว่า เกมรุกของพวกเขาได้รับการยกย่องว่า ดีที่สุดในโลก และพร้อมจะขยี้แนวรับทุกทีมให้แตกกระเจิง แต่ในทางกลับกัน “เกมรับ” ก็ยังถือว่าเป็น “จุดอ่อน” ของ บาร์ซ่า มาโดยตลอด โดยในเกมลีกปีนี้ถึงแม้พวกเขาจะเสียประตูไปเพียง 32 ประตู แต่ก็มีหลายจังหวะที่แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาด

ที่สำคัญกองหลังตัวใหม่ที่คว้าตัวเข้ามาทั้ง เนลสัน เซเมโด้ แบ็กโปรตุเกส รวมถึง เกลม็องต์ ล็องก็เล่ต์ ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ก็ดูเหมือนจะยังแก้ปัญหาในเกมรับของ บาร์เซโลน่า ไม่ได้ และมักจะมีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เมื่อมาบวกกับ เคราร์ด ปิเก้ และ ฆอร์ดี้ อัลบา ที่โรยราไปตามกาลเวลาด้วยแล้ว ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า การที่ต้องมาเผเชิญหน้ากับทั้ง ฟิร์มิโน่-ซาลาห์-มาเน่ ที่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร

หัวจิตหัวใจ

การต้องบุกมาเยือน บาร์เซโลน่า ในเกมสำคัญที่คัมป์นู คงจะเป็นเรื่องที่หลายทีมไม่อยากประสบพบเจอ เพราะนอกจากจะต้องต่อกรกับ บรรดาซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของโลกลูกหนังทั้ง เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และอีวาน ราคิติส แล้ว ยังต้องมาเล่นต่อหน้าแฟนบอลที่น่าจะเข้ามาเต็มความจุของสนามที่รองรับได้เกือบ 1 แสนคน โดยเกมนี้จะมีแฟนลิเวอร์พูล เข้าชมแค่ 4,600 คนตามโควต้าตั๋วที่ได้ นอกจากอีกเกือบ 9 หมื่นคนจะเป็นแฟนบาร์เซโลน่าล้วนๆ

ซึ่งเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว ถ้าหาก “ใจ” ไม่เต็มร้อย คงจะเป็นเรื่องยากที่ ลิเวอร์พูล จะเดินออกจากคัมป์นูในฐานะ “ผู้กำชัย” และถ้าหากโดนยิงนำไปก่อนด้วยแล้ว สถานการณ์ก็คงจะหนักหนาสาหัสเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งตรงนี้คงจะเป็นหน้าที่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในการปลุกพลังใจของทีมก่อนลงสนาม และที่สำคัญนักเตะทุกคนต้องไม่ตื่นเต้น รวมถึงพึงจดจำไว้ในใจเสมอว่า ถึงแม้เหล่า “เดอะค็อป” จะไม่ได้เข้าไปให้กำลังใจในสนาม แต่ทุกคนส่งกำลังใจไปให้ทุกคนอยู่ สู้ๆ นะจ๊ะ