หน้าหนาวนี้ดื่มสุราคลายหนาวอาจอันตรายถึงชีวิต

นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ในพื้นที่เขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็น ประชาชนบางกลุ่มจึงนิยมดื่มสุราเพื่อคลายความหนาว โดยมีความเชื่อว่าฤทธิ์ของสุราจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างยิ่ง

เมื่อดื่มสุราเข้าสู่ร่างกายแล้ว ในระยะแรกหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัวจึงทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบ ร่างกายระบายความร้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง จนนำไปสู่ความเสี่ยงการเกิดภาวะไฮโปเทอร์เมีย ทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย ยิ่งหากดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากจะทำให้กดประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการง่วง ซึม และหลับไปท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ยิ่งถ้านุ่งห่มเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ จะทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงมากในการเสียชีวิต สาเหตุเพราะ การตากอากาศเย็นเป็นเวลานานเลือดในร่างกายจะหนืดขึ้น ส่งผลต่อการไหลเวียนไปยังอวัยวะต่างๆ ทำให้ขาดออกซิเจน หัวใจจะทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้ และนอกจากนี้การดื่มสุรายังส่งผลต่อด้านอื่นด้วย ชัดเจนที่สุดก็คือ การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า การดื่มสุราเพื่อคลายความหนาวเย็นนอกจากเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ดื่มเป็นอย่างมาก แนะนำให้ประชาชนหันมาเตรียมร่างกายและดูแลสุขภาพตัวเองให้พร้อมในช่วงหน้าหนาวแทนด้วยการสวมเสื้อผ้าหนาๆ สวมถุงมือถุงเท้า และสวมหมวกให้พอเหมาะเพื่อคลายความหนาว รวมถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้ที่มีวิตามินป้องกันโรคหวัดได้ พร้อมดื่มน้ำอุ่นและเครื่องดื่มอุ่นๆ ช่วยบรรเทาความหนาว น้ำอุ่นจะช่วยร่างกายปรับสมดุลได้ดี เสริมด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นภายในและทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เน้นอาบน้ำอุ่นแทนน้ำเย็นจะช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ แต่ไม่ควรอาบน้ำอุ่นบ่อยเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวแห้งเสียได้ และในช่วงหน้าหนาวการรักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ

ทั้งนี้หากประสบปัญหาเกี่ยวกับสุรา หรือยาและสารเสพติด สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165 หรือที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี หรือติดตามข่าวสารได้ที่ สบยช.