svasdssvasds

ซิ่งทะลุไมล์ไปกับคริสเตียน เบลล์ และ แมต เดม่อน ใน “Ford v Ferrari”

ซิ่งทะลุไมล์ไปกับคริสเตียน เบลล์ และ แมต เดม่อน ใน “Ford v Ferrari”

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

ช่วงเวลาใกล้ๆสิ้นปีแบบนี้ บรรดาสตูดิโอหนัง มักจะปล่อยของดีของเด็ดออกมาให้ดูกันเสมอๆ และเวลานี้แหละ ที่พวกคุณจะต้องเก็บเงิน ดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อรอดูหนังที่เรารอคอยกันมาตั้งแต่ต้นปี และหนึ่งในนั้นที่หลายๆ คนเฝ้ารอคือเรื่อง “Ford v Ferrari” หนังแข่งรถ ประชันความเป็นเจ้าแห่งความเร็วของสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์นั่นคือ ฟอร์ด และ เฟอร์รารี่ ในสนามแข่งรถ 24 ชั่วโมงสุดโหดอย่าง เลอม็องส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ ผู้ที่เคยฝากผลงานหนังชั้นเยี่ยมอย่าง Logan, The wolverine และ Knight and day

คริสเตียน เบลล์ รับบทเป็น เคน ไมลล์  นักแข่งรถและเจ้าของอู่ถังแตก เนื่องจากโดนสรรพากรยึดอู่ชั่วคราว มีความสามารถทานิสัยไม่กลัวใคร ปากร้าย มีลีลายียวน กวน ที่จะต้องมาพบกับนักออกแบบรถซิ่ง และอดีตนักแข่งรถอย่าง แคร์โรล เชลบี้ ที่รับบทโดย แมตต์ เดม่อน ทั้งสองคนจะต้องเข้ามาสร้างรถฟอร์ดเพื่อใช้ลงแข่งขัน และสร้างชื่อเสียง เพื่อให้ฟอร์ดกลายเป็นสิงห์ในสนามแข่งรถ และเอาชนะยักษ์อีกใหญ่อย่างเฟอร์รารี่ให้ได้ ถึงแม้ว่าอุปสรรคและเส้นชัยอาจจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ไมลล์และเชลบี้หวังเอาไว้

หนังดูสนุกกว่าที่คิดไว้มาก ไม่มี plot เรื่องที่ซับซ้อน มีการเล่าเรื่องตามไทม์ไลน์เหตุการณ์จริงแบบเป๊ะๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีความรู้เรื่องวิศวกรรมยานยนต์สักเท่าไหร่ อาจจะงงๆตรงที่ตัวละครพูดศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับอะไหล่รถยนต์ แต่ก็ไม่ยากเกินที่จะทำให้คนดูเข้าใจได้ และตัวละครสามารถสร้างคาแรคเตอร์ได้ออกมาน่าสนใจโดยเฉพาะคริสเตียน เบลล์ ที่ลดน้ำหนักลงไปถึง 31 กิโลกรัม เบลล์คือนักแสดงอีกคนที่ลงทุนเพิ่ม ลด น้ำหนักให้เข้ากับบทบาทที่ได้รับเสมอ เช่น ในบทบาทรองประธานาธิบดี ดิก เชนีย์ ในหนังเรื่อง Vice เบลล์ต้องเพิ่มน้ำหนักถึง 20 กิโลกรัม จนทุกคนเริ่มสงสัยว่า ทำไมเบลล์สามารถสั่งน้ำหนักขึ้น ลง ได้ดั่งใจซะจริงๆ คงไม่ใช่กินยาลดน้ำหนัก หรือ ใส่ชุดโอนามิแน่ๆ  ส่วนการเลือกคริสเตียน เบลล์ มาคู่กับ แมตต์ เดม่อน นั้น ดูเป็นคู่ที่เข้าขากันดี เป็นเคมีทางการแสดงที่เหมาะสม

จุดเด่นอีกอย่างนึงของ ford v ferrari คือ ฉากขับรถซิ่ง การออกแบบดนตรีประกอบและการออกแบบเสียงในหนัง ฉากขับรถในเรื่องอาจจะไม่ได้เว่อวังเท่า Fast & furious (อันนั้นบียอนด์ไปตั้งแต่ทิ้งรถลงจากที่สูง หนีเรือดำน้ำแล้วนั้น) แต่เน้นมุมภาพที่ให้คนดูรู้สึกลุ้นและเหมือนนั่งอยู่ในรถคันเดียวกับไมลล์เลยก็ว่าได้ ในแง่ดนตรีประกอบ ถ้าใครชอบเล่นเกมส์แข่งรถ เพลงที่คุณจะได้ยินในหนังจะมีความคล้ายๆกับดนตรีประกอบในเกมส์รถแข่ง ซึ่งเหมาะมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นเกมส์รถแข่งในโรงหนัง ส่วนการออกแบบเสียง แน่นอนว่าเป็นหนังรถแข่ง เราจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เสียงเบรค เสียงรถวิ่งไปมาด้วยความเร็วสูง ถ้าคุณรู้สึกรำคาญเสียงโฆษณา digital sound check ในโรงหนังของ 2 เจ้าใหญ่ในบ้านเรา ก็ขอให้วางใจกับเรื่องนี้ เพราะมีการออกแบบเสียงได้ดีกว่านั้น อาจจะรู้สึกหูดับบ้างแต่ก็ทำให้่หนังดูสมจริงขึ้น อันนี้ยอมกันได้

ดูๆไป นี่อาจจะเป็นหนังโฆษณาธุรกิจของฟอร์ดและเฟอร์รารี่หรือเปล่า เพราะในหนังพูดชื่อทั้งสองแบรนด์นี้ไปประมาณ 30 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร  เพราะ theme ของหนังคือ ฟอร์ดและเฟอร์รารี่อยู่แล้ว ถ้าดูจบแล้วอยากจะถอยฟอร์ดหรือเฟอร์รารี่มาขับ เรื่องนี้ก็คงเป็นผลพลอยได้ไปโดยปริยาย แต่ที่ตลกคือ เป็นหนังที่พูดถึงความพยายามที่จะพัฒนาให้มีความก้าวหน้าของฟอร์ด และยังพูดถึงข้อบกพร่องในการบริหารของฟอร์ดไปพร้อมๆกัน (ชมและด่าไปในตัว) แต่รับรองว่า ford v ferrari จะเป็นหนังที่มอบความสุขและสนุกให้คนดูในช่วงส่งท้ายปีได้อย่างแน่นอน

related