svasdssvasds

รู้ช้า..อาจจะสายไป! แพทย์เผย “อาบน้ำผิดวิธี” เสี่ยง “เส้นเลือดในสมองแตก” ได้ ภัยใกล้ตัวที่บางคนไม่เคยรู้มาก่อน !?! (รายละเอียด)

รู้ช้า..อาจจะสายไป! แพทย์เผย “อาบน้ำผิดวิธี” เสี่ยง “เส้นเลือดในสมองแตก” ได้ ภัยใกล้ตัวที่บางคนไม่เคยรู้มาก่อน !?! (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

การอาบน้ำ เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทุกคนปฏิบัติกันมา หลายชั่วอายุคนแล้ว หลายคนใช้การอาบน้ำเป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยเมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน แต่อีกหลายคนใช้การอาบน้ำเพียงเพื่อชำระล้างร่างกาย แต่คุณรู้ไหมว่า การอาบน้ำมีอะไรมากกว่าที่คิด เพราะการอาบน้ำนอกจากจะ ทำให้ร่างกายสะอาด และยังช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี แต่ทั้งนี้ ก็สามารถทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ ถ้าคุณอาบน้ำแบบผิดวิธี

เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมคนที่เส้นเลือดในสมองแตกถึงมักเกิดในห้องน้ำหรือเวลาอาบน้ำ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบางคนเข้าห้องอาบน้ำ ก็จะเปิดน้ำสระที่หัวหรือผมก่อนเลย ทำให้ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิเร็วมาก เลือดจะขึ้นไปที่สมองอย่างเร็ว ทำให้เส้นเลือดแตกได้ และผลก็คือเส้นเลือดในสมองแตกและลื่นหกล้มนั่นเอง

ดังนั้น วิธีอาบน้ำที่ถูกต้อง ก็คือ

รู้ช้า..อาจจะสายไป! แพทย์เผย “อาบน้ำผิดวิธี” เสี่ยง “เส้นเลือดในสมองแตก” ได้ ภัยใกล้ตัวที่บางคนไม่เคยรู้มาก่อน !?! (รายละเอียด)

1. อาบน้ำโดยล้างจากเท้าขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงหัวเป็นส่วนสุดท้าย เพราะหัวใจหลักอยู่ที่ “อุณหภูมิ” ของน้ำ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิต ระบบการหายใจทำงานได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ และร่างกายปรับตัวได้ทัน

– น้ำอุ่น หรือน้ำที่มีอุณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27-34 องศาเซลเซียส หรือไม่ควรอุ่นเกินอุณหภูมิของร่างกาย 2 องศา จะทำให้ร่างกายสะอาดมากที่สุด เพราะความอุ่นของน้ำจะเข้าไปเปิด รูขุมขนทำให้ผิวหายใจได้มากขึ้น ขับของเสียที่คั่งค้างอยู่ตามผิวได้มากขึ้น และยิ่งถ้าได้อาบน้ำอุ่นก่อนนอนก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะจะทำให้นอนหลับสบายได้ดียิ่งขึ้น

– น้ำร้อนนั้น หรือน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 38-40 องศาเซลเซียส ไม่ควรอาบบ่อย และควรควบคุมไม่ให้อยู่นานเกิน 10-15 นาที เพื่อป้องกันผิวแห้งจากการสูญเสียน้ำมันบนผิวหนัง ยังทำให้หัวใจต้องทำงานมากขึ้นในการขยายเส้นเลือดเพื่อจะช่วยให้ร่างกายเย็นลง

– น้ำเย็น อุณหภูมิของน้ำที่ 21-27 องศาเซลเซียส จะทำให้ผิวเย็นสบาย สดชื่น เต่งตึงลดอาการอ่อนเพลีย ปลุกเร้าประสาทสัมผัส ทำให้กล้ามเนื้อสดชื่น และยังเป็นผลดีต่อระบบการหายใจ หลังอาบน้ำใช้ฝ่ามือตบเบาๆ ให้ทั้งตัว เพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวและยังเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

2. การอาบน้ำแบบแช่ในอ่างอาบน้ำ สามารถเติมน้ำมันหอมระเหยลงไปเพื่อช่วยในการผ่อนคลาย และควรผสมเกลือลงไปในน้ำด้วยเพื่อกระตุ้นระบบการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานดีขึ้น หลังจากแช่ตัวแล้วควรล้างตัวอีกครั้งด้วยน้ำเย็น หากใช้ฝักบัวก็ควรจะเปิดน้ำให้แรงและฉีดวนลงบนผิวไล่จากเท้าขึ้นมาหน้าท้อง มือ แขน จนมาถึงหัวใจ น้ำเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขน เร่งให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตได้ดียิ่งขึ้น และยังสามารถลดเซลลูไลต์และชะล้างพิษบนผิวออกได้อีกด้วย

3. ใช้ฝ่ามือหรือผ้าหยาบ ใยบวบ ฯลฯ ถูให้ทั่วตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เริ่มจากเบาๆ และค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักแรงขึ้นไปเรื่อยๆ

4. เวลาที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำ คือ ก่อนรับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง แต่ถ้าจะอาบหลังมื้ออาหารก็ควรจะเว้นระยะสัก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการจุกเสียดที่อาจเกิดขึ้นได้

การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องยากและไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด หากคุณอาบน้ำผิดวิธี โอกาสที่จะเกิดเรื่องแย่ๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นจงระวังตัวเองให้ดี

รู้ช้า..อาจจะสายไป! แพทย์เผย “อาบน้ำผิดวิธี” เสี่ยง “เส้นเลือดในสมองแตก” ได้ ภัยใกล้ตัวที่บางคนไม่เคยรู้มาก่อน !?! (รายละเอียด)

โรคเส้นเลือดในสมองแตก มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง?

1. อายุที่มากขึ้น อาจทำให้เส้นเลือดในสมองขาดความยืดหยุ่น และผิวชั้นในของหลอดเลือดอาจเกิดการสะสมของไขมันและหินปูน จึงทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น

2. ความดันโลหิตสูง ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้

3. โรคเบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็งตัวมากกว่าเดิม ขาดความยืดหยุ่น

4. ไขมันในเลือดสูง เพราะไขมันเป็นตัวการที่เข้าไปขวางการเดินทาง และการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดเดินทางไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง

5. โรคหัวใจ เมื่อหัวใจทำงานผิดปกติ เช่น เป็นโรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดที่เข้าไปวางการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดได้

6. การสูบบุหรี่ เพราะสารนิโคติน แ ละคาร์บอนมอนอกไซด์จะทำให้ปริมาณออกซิเจนในร่างกาย รวมไปถึงสมองลดลง และทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว

7. ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก teenee

related