svasdssvasds

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

หนุ่มหน้าตาดีวัย 29 ปี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

พร้อมหัวใจที่ยืนยันว่า ทุกอย่าง ยังทัน เวลา ....สำหรับการดูแลร่างกายก็เช่นกัน

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

คุณคมกริช เฉลิมชัยณรงค์ หนุ่มหน้าตาดี ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ที่เชื่อว่า ได้ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แล้ว แต่เมื่อปลายปี 59 กับอาการไอแห้งๆ แบบไม่มีเสมหะ ที่ติดต่อกันอยู่นาน 2 เดือน บวกกับเลือดกำเดาไหลและมีเลือดออกตามไรฟัน ถัดมาไม่กี่เดือน ร่างกายเริ่มอ่อนแรง ถึงขั้นไปทำงานไม่ไหว !!

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

คุณเอ้ก ตัดสินใจ ไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้านก่อน โดยโรงพยาบาลที่ 1 วินิจฉัยว่า น่าจะเป็นโรคโลหิตจาง จากนั้นย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกที่ เพื่อใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่โรงพยาบาลที่ 2 แจ้งว่า เขาน่าจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ไวเท่าการแพร่กระจายของโรค  ทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา คุณหมอ แนะนำให้มารักษาที่ รพ.ศิริราช พร้อมเขียนใบส่งตัวให้ มาถึงที่รพ.ศิริราช ตรงมาตรวจที่แผนกตรวจโรคฉุกเฉิน หลังผลตรวจเลือดออก คุณหมอสรุปว่า คุณเอ้ก เป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง

คนหนุ่ม วัยกำลังสดใส เมื่อต้องมารู้ว่า ตัวเองเป็น “มะเร็ง” สารพันความรู้สึกเบียดเสียดกันเข้ามา ทั้งท้อ เครียด และโทษโชคชะตา ที่ร้ายกับเขาอย่างขาดเมตตา เสียงในหัว ถามว่า “เรายังเด็กอยู่ไม่น่ามาป่วยเป็นโรคนี้” “การทำเคมีบำบัดน่ากลัว” ยิ่งไปกว่านั้น คุณเอ้ก ต้องสูญเสียคุณพ่อไปด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน (แต่เป็นคนละส่วน) ความรู้สึกวิตกจึงถาโถมเข้ามา

ในช่วงแรกหลังทราบอาการ คุณหมอ ยืนยันว่า ไม่ต้องห่วง ยังไงก็หาย เพราะเป็นมะเร็งที่ฆ่าได้ไม่ยาก ถ้าเทียบกับมะเร็งส่วนอื่นๆ และให้เริ่มหาความรู้จากในอินเตอร์เน็ต ว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีความรุนแรงระดับไหน และมีโอกาสหาย ซึ่งในอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งชนิดนี้ ค่อนข้างเยอะ เลยทำให้คุณเอ้ก ใจชื่นขึ้น พร้อมความหวังว่า จะหายกลับมาเป็นปกติ และพยายามทำใจให้เป็นสุข ไม่เครียดกลับโรคที่เป็น เพราะเชื่อว่า “โรคมะเร็งแพ้ความสุข”

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

ช่วงที่นอนป่วยอยู่ที่ รพ. คุณเอ้ก เขียนบันทึกโซเชียลของตัวเอง ให้ชื่อว่า “ เอ้ก “ สู้ “ มะเร็ง “

"หลังจากผ่านพ้นการให้คีโมรอบแรกไป เราก็ได้กลับมานอนพักที่บ้านราวๆ 10วันได้ ซึ่งเป็น 10วันที่มีความสุขมาก เรากินและนอนอย่างเดียวเลยเพื่อเพิ่มน้ำหนักที่หายไปเกือบ 15กก. แต่ปัญหาจากผลข้างเคียงของยาคีโมก็ยังตามมาเพิ่มคือ ลิ้นเรารับรสเพี้ยน อาหารบางอย่างที่เป็นของโปรดเรากลับกลายเป็นของที่ไม่ถูกปากซะงั้น แต่ทั้งนี้เราก็ต้องฝืนกินเข้าไปไม่งั้นเราจะยิ่งไม่มีแรง และเริ่มมีอาการชาตามปลายประสาท (ชาตามนิ้วมือและนิ้วเท้า แต่ไม่หนักขนาดหยิบจับหรือเดินไม่ได้) ช่วงเวลา 10วันนี้ก็มีเพื่อนๆมาเยี่ยมเราที่บ้านบ้าง เพราะเรายังไม่กล้าออกไปข้างนอกเนื่องจากกลัวติดเชื้อโรคต่างๆเพราะร่างกายยังอ่อนแอจากยาคีโมรอบแรกอยู่พอครบ 10วันเราก็กลับไปที่รพ.ต่อเพื่อไปให้ยาคีโมรอบที่ 2 ซึ่งเป็นสูตรที่2 ยาตัวนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรามากนัก ซึ่งมาวันแรกเราก็ต้องให้ยาคีโมทางไขสันหลังก่อน ถามว่าเจ็บมั้ยบอกได้เลยว่าไม่เจ็บอะไรมาก เพราะต้องให้ยาชาก่อนนั่นเอง หลังจากให้ยาทางไขสันหลังไป วันรุ่งขึ้นเราก็เริ่มให้ตัวยาคีโมสูตรที่2 ชื่อว่าไอแว็ก (อาจจะเขียนชื่อสูตรยาผิดนะครับ แต่มันเรียกชื่อนี้แหละ) โดยสูตรยาตัวนี้เราต้องให้ติดต่อกัน 4วัน พอผ่านไป 2วันแรก เราก็ไข้ขึ้นจากยาคีโม ทางคุณหมอเลยต้องให้เราหยุดยาก่อนแล้วเปลี่ยนมาให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันเชื้อโรคแล้วเผอิญที่วอร์ดดันมีผู้ป่วยคนอื่นเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย แล้วเราซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำอยู่แล้วก็ดันมาติดโรคไข้หวัดใหญ่อีก ทำให้เราต้องกลับไปพักผ่อนที่บ้านแทนเพราะไม่สามารถให้ยาคีโมได้หากยังเป็นไข้หวัดใหญ่อยู่ วันที่เรากลับบ้านนั้นทางคุณหมอก็ได้ปล่อยให้คนไข้กลับบ้านไปเยอะพอสมควร เพราะต้องปิดวอร์ดเพื่อฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่แพร่กระจายในวอร์ด คราวนี้เราได้กลับบ้านไปประมาณ 3สัปดาห์ได้ (ช่วงสงกรานต์นั่นเอง เราก็อยู่แต่บ้านทั้งๆที่ในใจอยากออกไปเล่นน้ำมาก) แล้วก็ค่อยกลับมาให้ยาคีโมรอบที่ 2ใหม่อีกครั้งหลังจากที่ทางวอร์ดเคลียร์เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่เรียบร้อยเราก็ได้กลับมารพ.อีกครั้งและเริ่มต้นให้ยาสูตรที่2ใหม่ ก็เหมือนเดิมเลย ประเดิมด้วยการให้ยาทางไขสันหลังวันแรก แล้วต่อด้วยยาคีโมในวันถัดไป และเราก็ไข้ขึ้นอีกครั้งหลังผ่านไปได้ 2วัน คุณหมอก็จับเราตรวจหาไข้หวัดใหญ่อีกครั้ง ผลสุดท้ายก็รอดไป พอไข้หายเราก็ถูกให้ยาคีโมต่อโดยนับเป็นวันที่ 3และ4 หลังจากให้ยาครบเราก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไร ซึ่งคุณหมอก็มาบอกว่าหลังจากให้ยาคีโมเสร็จก็ต้องรอให้เม็ดเลือดขาวตกก่อน พอเม็ดเลือดขาวตกก็ต้องรอให้ไขสันหลังสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นมาใหม่ ถึงจะได้กลับบ้าน จากนั้นไม่นานเราก็ไข้ขึ้น คราวนี้เป็นไข้ยาวๆเกือบหนึ่่งอาทิตย์ได้ซึ่งเป็นผลจากยาคีโมนั่นเอง ซึ่งระหว่างเป็นไข้เราก็มีภาวะซีดและเกล็ดเลือดต่ำ คุณหมอเลยต้องให้เลือดแดงและเกล็ดเลือดเรา ซึ่งการให้เลือดก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่เกล็ดเลือดนี่เราเกิดอาการแพ้ เรามีผื่นแดงขึ้นเกือบทั้งตัว เกือบๆ 2ชม.ได้ผื่นถึงจะยุบหายไป ซึ่งเราก็เป็นทุกครั้งที่ให้เกล็ดเลือดเลย และผลข้างเคียงจากคีโมตัวนี้อีกหนึ่งอย่างคือ ผมและขนร่วง ขนาดขนจมูกและขนตาเรายังร่วงเลย หลังจากเป็นไข้มาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ เราก็ถูกฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวเพื่อให้ไขสันหลังสร้างเม็ดเลือดขาวได้ไวขึ้น ควบคู่กับการที่เรากินไข่ขาวและดื่มนมเอนชัวร์ (Ensure) ซึ่งมันคืออาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยและคนที่ทานอาหารได้น้อย เพื่อเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุต่างๆที่ร่างกายต้องการได้รับในแต่ละวันให้ครบถ้วนหลังจากถูกฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวติดต่อกันทุกวัน เม็ดเลือดขาวเราก็ขึ้นในระดับที่โอเค คุณหมอก็ปล่อยให้เรากลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ เบ็ดเสร็จรอบนี้เรานอนรพ.ประมาณ 3อาทิตย์ และเป็นรอบที่เบามากถ้าเทียบกับผลข้างเคียงของยาสูตรแรกที่เจอไปเมื่อเดือนก่อน พอกลับไปพักที่บ้านเราก็ขอแม่ว่าจะออกไปข้างนอก ขอไปกินข้าวกับเพื่อนบ้าง แม่เราก็โอเคนะแต่แค่บอกว่าให้เราดูแลตัวเองดีๆและให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเพื่อกันเชื้อโรค เราก็นัดกับเพื่อนว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์ ใจเราอยากกินปิ้งย่างมากๆๆๆ แต่เราก็กลัวเพราะอาหารปิ้งย่างมีความเสี่ยงของตัวมะเร็งค่อนข้างสูง เราเลยกินพวกชาบูแทน ซึ่งก็เป็นครั้งแรกเลยที่เรากินบุฟเฟ่ต์จนหมดเวลา เพราะด้วยความอยากและต้องการเพิ่มน้ำหนักด้วยเราเลยกินเต็มที่ เอาจริงๆเราใส่ใจกับพวกอาหารมากๆเลย ซึ่งคุณหมอก็บอกให้เรากินเยอะๆ ห้ามกินผักสด, ผลไม้เปลือกบาง และของหมักดอง (อดกินส้มตำปูปลาร้าเลย) เพราะของเหล่านี้มันเสี่ยงต่อเชื้อโรคมากๆสำหรับผู้ป่วยมะเร็งแบบเราที่ภูมิต้านทานต่ำนั่นเอง ...เอ้ก

เศรษฐพล เฉลิมชัยณรงค์

28/09/60

ปล. ทุกอย่างที่เราพิมพ์ไปล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่เราเจอกับตัวเองทั้งนั้น เพราะผลข้างเคียงจากยาคีโมมันอาจเจอไม่เหมือนกัน และเราอยากบอกให้ทุกๆคนรู้ว่าอย่าใช้ชีวิตประมาท โรคมะเร็งมันอยู่ที่ดวงจริงๆ บางคนไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกายมีร่างกายที่แข็งแรงแต่กลับต้องมาเป็นมะเร็งก็มี หรือบางคนทั้งกินเหล้าทั้งสูบบุหรี่ ใช้ชีวิตในทุกความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง แต่กลับไม่เป็นมะเร็งก็มี แต่ยังไงซะการดูแลสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด ตอนนี้ร่างกายเราก็แข็งแรงขึ้นตามลำดับแล้ว ก็ยังรอการให้ยาคีโมป้องกันรอบที่ 1 อยู่ (คีโมรอบที่ 5 เป็นยาป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นมะเร็งอีก) แต่เราก็จะไม่ใช้ชีวิตประมาทเหมือน 20กว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ...

ปล.2 อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ถ้าใครมีเวลาว่าง อยากให้มาร่วมบริจาคเลือดให้ผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องเป็นของรพ.ศิริราชก็ได้ เป็นที่ไหนก็ได้ เพราะเลือดแดงและเกล็ดเลือดเป็นที่ต้องการมากๆ และขาดแคลนบ่อยมาก อยากให้มาร่วมบริจาคกัน และร่วมทำบุญสมทบให้กับโรงพยาบาลด้วยก็จะดีมาก เพราะประเทศเราตอนนี้โรงพยาบาลขาดทุนกันเยอะมากมายเลย มาร่วมกันบริจาคเยอะๆนะครับ ^^

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

ช่วงเวลากระอักกระอ่วนนี้ จะผ่านไปได้ด้วยยาอีกขนาน นั้นก็คือ “กำลังใจ”

กำลังใจอันดับหนึ่ง ของคุณเอ้ก คือครอบครัว คุณแม่ที่มาเฝ้าดูอาการทุกวัน แม้จะเดินทางทุกวัน เช้ามา เย็นกลับ เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ญาตินอนค้างคืนได้ คุณเอ้กยอมรับว่า พยายามฝืนร่าเริง ไม่แสดงอาการเครียดให้คุณแม่เห็น เพราะไม่อยากให้พลอยกังวลไปด้วย ข่าวคร่าวเรื่องสุขภาพ ญาติๆที่ต่างจังหวัดทราบแล้ว และเดินทางมาเยี่ยม คำอวยพร จากผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพรัก และสายสิญจน์ที่ผูกข้อมือ คือ สิ่งที่ลืมตาไปเห็นครั้งใด ก็เพิ่มเติมกำลังใจให้ได้ในทุกวัน และอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญ สำหรับหนุ่มวัยรุ่น คือ แก๊งเพื่อน คนรู้จักกัน ที่ต่างพากันมาเยี่ยม ให้กำลังใจ โทรมาคุย นำของฝากมาให้ บ้างก็ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ให้เสียด้วย

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

วิกฤตในชีวิต จากความเจ็บป่วยครั้งนี้ ของคุณเอ้ก ทำให้การใช้ชีวิต เปลี่ยนไปจากเดิมตลอดกาล จากเป็นคนร่าเริงชอบเที่ยวเตร่ ชอบดื่ม แถมยังสูบบุหรี่  ไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่ทันทีที่รู้ตัวว่า ป่วย ก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น พยายามทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เลิกดื่ม เลิกสูบ เพราะไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาเสียน้ำตาเพราะอาการป่วยของผม

ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เอาจริงๆ “ผมเชื่อว่าโรคมะเร็งมันเป็นโรคที่มากับดวงจริงๆ บางคนไม่ดื่มไม่สูบ ร่างกายแข็งแรงแต่กลับต้องมาป่วยเป็นโรคนี้ก็มีหลายคน (จากที่พบเจอที่วอร์ดในโรงพยาบาล) บางคนใช้ร่างกายเปลือง ดื่มเหล้าสูบบุหรี่จัดมาเป็นสิบๆปี แต่ไม่เป็นโรคนี้ ก็มีมาก เลยคิดว่าโรคนี้ ขึ้นอยู่กับดวงและกรรมที่เราอาจเคยทำไว้ เพราะยังไงมันก็คือสัจจะธรรม ท้อได้แต่อย่าถอยครับ”

หนุ่มหน้าตาดี รับมือกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้นที่ 4 ...ด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มสดใส ฟ้าหลังฝนมาแล้ว คุณเอ้ก ยิ้มได้สดใส เกือบจะเหมือนเดิม ก่อนป่วย หลังสอบทานร่างกายตัวเองแล้ว พบว่า โรคมะเร็งที่เป็นได้สงบลงแล้ว จากนี้จึงปฏิญาณ จะดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น จะใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท อะไรที่ทำแล้วส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรม จะเลิกทำอย่างเด็ดขาด แล้วที่สำคัญ คือพยายามทำตามคำแนะนำจากอาจารย์หมอ เพื่อให้โรคสงบไปได้นานๆ จนวันนึง จะหายขาด

 

คอลัมน์ Youngทัน by อรรธจิตฐา วิทยาภรณ์

related