svasdssvasds

เพิ่มskillและสติ ให้ผู้สูงวัยรับมือภัยคอลเซ็นเตอร์

เพิ่มskillและสติ ให้ผู้สูงวัยรับมือภัยคอลเซ็นเตอร์

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

คอลัมน์ Youngทัน ชวนเพิ่ม skill และ สติ ให้ผู้สูงอายุที่เรารัก รับมือกับภัยคอลเซ็นเตอร์

คุณบัว “วันหนึ่ง มีคนโทรเข้าเบอร์ที่บ้าน คุณแม่เป็นคนรับสาย ปลายทางบอกว่าโทรจากไปรษณีย์มีพัสดุส่งถึงคุณxxxx แต่ถูกตีกลับโดยมีชื่อคุณแม่เป็นผู้ส่ง(แต่ที่อยู่เป็นที่เชียงใหม่) ได้สแกนดูในกล่องพบว่า มียาเสพติดและสมุดบัญชีอยู่ 8 เล่ม หนึ่งในนั้นเป็นชื่อคุณแม่ และได้มีการโอนสายต่อให้นายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งบอกคุณแม่ว่า คนที่มีชื่อบนพัสดุได้ถูกจับและซัดทอดคุณแม่ ขณะนี้คุณแม่จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฟอกเงินและยาเสพติดไปด้วย มีโทษจำคุกถึง 10 ปี และมีการหลอกถามข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของคุณแม่ ด้วยความที่คุณแม่ตกใจ ได้พยายามอธิบายจนได้หลุดปากบอกไปว่า มีเงินส่วนหนึ่งฝากไว้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ TOT(ที่ทำงานเดิมของคุณแม่) ตลอดเวลาปลายสายได้เอาเรื่องคดีความมาข่มขู่อยู่ตลอดเวลา ห้ามวางสายโทรศัพท์ ห้ามบอกใครไม่เช่นนั้นจะต้องตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วย นายตำรวจคนดังกล่าว ยังบอกว่า ขณะนี้แบงค์ชาติได้อายัดเงินคุณแม่ทุกบัญชีแล้ว จะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้เป็นเวลา 6 เดือน แต่เพื่อบรรเทาทุกข์จึงให้คุณแม่ ขึ้นรถแท็กซี่ออกไปถอนเงินที่ TOT ออกมาก่อน 980,000 บาท หลังจากนั้นให้เอาเงินจำนวนนี้ ไปเข้าบัญชีแบงค์ชาติ และต้องไปคนเดียว ห้ามไปกับคนขับรถ ขู่จนคุณแม่ยอมออกไป แต่ได้เรียกให้หลานคุณแม่ขับรถไปให้ ตลอดทางนายตำรวจคนนั้นถือหูโทรศัพท์ฟังอยู่ตลอด แล้วจับได้ว่าคุณแม่ไม่ได้มาคนเดียว จึงบังคับให้คุณแม่สั่งให้หลานกลับไป แล้วให้มาคนเดียว แต่สุดท้ายหลานไม่ได้กลับ แต่ขับรถไปกับคุณแม่ที่ TOT พอไปถึงนายตำรวจก็ถามว่า คุณแม่มารถคันไหน ยี่ห้ออะไร สีอะไร (คาดว่าจะซุ่มอยู่อยู่บริเวณนั้น) สุดท้ายคุณแม่ไม่ยอมถอนเงินออกมาให้ ตำรวจในสายก็เกรี้ยวกราดข่มขู่สารพัด แต่เมื่อไม่ได้เงิน และรู้ว่าไม่ได้มาคนเดียวก็วางสายไป ซึ่งทางพี่ชายคุณบัวก็ตามไปถึงพอดี หลังจากแม่บ้านรีบโทรไปบอก และรีบพาคุณแม่ออกมาจากที่นั่น

คุณบัวบอกว่า เรื่องหลอกลวงแบบนี้เคยได้ยินมาก่อนแล้ว แต่ขณะนี้มันคืบคลานมาใกล้ตัวมาก โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อยู่บ้าน มิจฉาชีพเหล่านี้ใช้จิตวิทยา พูดชักจูง ข่มขู่ คุณบัวถามคุณแม่ว่า ทำไมถึงออกไป คุณแม่บอกว่ากลัวสิ่งที่เขาขู่ ถามว่าทำไมไม่โทรหาลูกก่อน แม่ก็บอกว่ากลัวลูกจะตกเป็นผู้ต้องหาไปด้วย ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ที่คนร้ายไม่ยอมวางสาย สงสารคุณแม่เหลือเกิน และถ้าวันนั้นหลานไม่อยู่ แล้วคุณแม่ออกไปพบมันคนเดียว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง !?! กลัวจริงๆค่ะ”

 

คุณลิลลี่ “เมื่อเดือนก่อนคุณแม่ก็โดนมิจฉาชีพหลอกค่ะ โทรมาอ้างว่าเป็นบริษัทแถวบ้านคุณแม่ ชวนทำบุญกฐินพระราชทาน โทรมาตอนประมาณ 10 โมง บอกว่า เดี๋ยวบ่ายโมงจะขึ้นเครื่องไปทอดกฐินที่เชียงใหม่แล้ว ชวนแม่ไปทำบุญด้วยกัน คุณแม่บอกว่า กะทันหันแบบนี้ไปไม่ได้หรอก เขาเลยถามว่า งั้นทำบุญกฐินไหม กองละประมาณ 30,000 บาท แม่บอกงั้นฝากไปละกัน ทางนั้นเลยนัดให้แม่เอาเงินไปให้ ตอนแรกนัดที่หน้าตึกบริษัทที่เขาอ้างเลย แต่โทรมาถามยิกๆว่าถึงไหนแล้ว น้องชายเอะใจว่า ทำไมต้องตามถี่ขนาดนี้ด้วย พอแม่ถึงหน้าตึก แม่ก็ตรงไปหารปภ.ที่รู้จักกัน  รปภ.แจ้งว่าไม่มีกฐินนะครับ ไม่เห็นมีใครไปไหนเลย โทรขึ้นไปคุยกับลูกเจ้าของตึก ก็บอกไม่มี ระหว่างนั้นทางโน่นก็โทรมาอีก แล้วว่าให้ย้ายที่รับเงินไปอีกตึกหนึ่งใกล้ๆ คุณแม่แน่ใจละว่าถูกหลอกแน่ๆ ก่อนที่ทางนั้นจะวางสายไป แล้วก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

 

 

คุณเมฆ “เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน มีคนอ้างตัวเป็นตำรวจโทรมาเรื่องพัสดุไปรษณีย์เหมือนกัน แล้วถามว่า คุณแม่มีเงินที่ธนาคารไหนบ้าง พอทางปลายสายเริ่มซักเลขบัญชี คุณพ่อได้ยิน เลยให้คุณแม่รีบวางหูทันที คิดเหมือนกันว่า ถ้าคุณแม่อยู่คนเดียวคงแย่แน่ๆ ครับ ทราบมาจากเพื่อนบ้านว่า โดนกันไปหลายหลัง โดยเฉพาะ มันจะเลือกผู้สูงอายุที่อยู่บ้านกลางวันตามลำพังครับ”

เพิ่มskillและสติ ให้ผู้สูงวัยรับมือภัยคอลเซ็นเตอร์

ทนายความรัชพล ศิริสาคร แนะนำวิธีการรับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า แก๊งพวกนี้มักจะอ้างว่าโทรมาจากศาลหรือตำรวจ หรือหน่วยงานราชการ อย่าตกใจ ลองทำตามขั้นตอนดังนี้  ตั้งสติให้ดี อย่าตกใจ หายใจลึกๆ , ถามให้แน่ชัด ถามให้ชัดเจน ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น , ลองสำรวจตัวเองดูว่า เรามีความเกี่ยวพันกับเรื่องที่เขาโทรมาแจ้งหรือไม่ , ถ้าเราเคยมีเรื่องที่เกี่ยวพันกับที่เขาแจ้ง ก็อาจเป็นเรื่องจริง แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจ ลองสอบถามข้อมูลไปก่อน เพื่อให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องจริง , ถ้าเราไม่เคยไปเกี่ยวพันกับเรื่องที่เค้าแจ้ง สันนิษฐานไว้เลยว่ากำลังโดนหลอก ดังนั้น ห้ามโอนเงินให้เด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ให้รับเรื่องไว้เบื้องต้น แล้วนำเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภายหลัง หากจำเป็นต้องมีการชำระเงินจริงๆ ควรนำเงินไปชำระกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง เพราะคุณจะสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่า เงินค่าอะไรแน่ มีใบเสร็จหรือไม่ เจ้าหน้าที่เป็นใคร เดินเข้าไปในหน่วยงานราชการ ยังไงก็มีความน่าเชื่อถือว่าโอนเงินเข้าบัญชี

เพิ่มskillและสติ ให้ผู้สูงวัยรับมือภัยคอลเซ็นเตอร์

สุดท้ายการถอดบทเรียนมิจฉาชีพเหล่านี้ คือ 1.การได้มาซึ่งเบอร์โทรศัพท์  ID LINE หรือแม้แต่การติดต่อทาง FB เมื่อโลกมันแคบลง ภัยร้ายก็ย่างสามขุมเข้ามาจ่อถึงในห้องนอน จะให้ช่องทางติดต่อเหล่านี้กับใคร ต้องระวังให้ดี 2.คนชราที่อยู่บ้านเพียงลำพัง เฝ้าบ้านเลี้ยงเด็กเล็ก ในวัยที่หูตาฝ้าฟาง ความคิดความอ่านก็เชื่องช้า ใจก็มีแต่ความเป็นห่วงลูกหลาน เงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิต ก็พร้อมสละให้ได้ทั้งนั้น ดังนั้น ต้องเตี๊ยมกับท่านบ้าง ให้ข้อมูลท่านบ้างว่า หากเจอคนโทรมาแบบนี้อย่าไปหลงกล ลูกไม่ได้มีคดีความกับใครอยู่  3. ข้อนี้ สำคัญมาก คือ ต้องสร้างความตระหนักรู้  ทำไมผู้คนจึงยอมเชื่อ เจ้าหน้าที่รัฐตัวปลอมเหล่านี้ ว่าจะสามารถ “เคลียร์”คดีความร้ายแรงให้จบลงได้ด้วยการโอนเงิน เพราะถ้าขึ้นชื่อว่า ตกเป็นผู้ต้องหาคดีความอาญาแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้ ยอมความก็ไม่ได้ และ 4.ข้อสุดท้าย การให้อามิสสินจ้าง โดยเฉพาะแก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐนั้น คือผิด !!

เพิ่มskillและสติ ให้ผู้สูงวัยรับมือภัยคอลเซ็นเตอร์

 

คอลัมน์ Youngทัน by อรรธจิตฐา วิทยาภรณ์

related