ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ "ตูน บอดี้สแลม" ใช้เวลา 55 วัน ในการสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองและประวัติศาสตร์การร่วมมือร่วมใจของพี่น้อง ศิลปิน และพี่น้องคนไทยที่ทำให้เห็นว่า บนประเทศที่มีความขัดแย้งกันมากมายยังมีความดีงามแห่งความเสียสละและความร่วมมือร่วมใจกันตลอด 2 ข้างทาง 2,215 กิโลเมตร จาก “เบตง-แม่สาย” ซึ่งเป็นภาพอันงดงามที่ควรค่าแก่การจารึกไว้อย่างยิ่ง
ความสำเร็จหาใช่ การวิ่งได้จบตามเป้าหมายในระยะทาง หรือการเกินเป้าหมายที่ได้เงินกว่า 1,200 ล้านบาท เพื่อไปช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล และทุนการศึกษาในโรงเรียนต่างๆ แต่ความสำเร็จของ ตูน บอดี้สแลม ครั้งนี้คือ “การเป็นผู้นำในการดึงจิตใจด้านบวก” ของคนไทยทั้งประเทศมาไว้รวมกันทั้ง 2 ข้างทางที่ผ่าน และแม้กระทั่งพื้นที่ไม่ผ่านก็ตาม เพราะมีศิลปิน องค์กรภาคเอกชน และรัฐ รับ “ซ่อม” พื้นที่ๆ คณะวิ่ง “ก้าวคนละก้าว” เข้าไม่ถึงจนกลาย “ก้าวร่วมกันทั้งแผ่นดิน”
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต่างวิเคราะห์กันว่า หากอาทิวราห์ คงมาลัย ตัดสินใจลงสนาม การเมือง คงไม่มีใครในเวลานี้ไม่เลือก ตูน บอดี้สแลม
แต่ความยิ่งใหญ่ของ ตูน บอดี้สแลม ในการเสียสละกำลังกายนำพาจิตใจผู้คนถึงเส้นชัยร่วมกัน เขาไม่ได้ทำเพื่อสิ่งนั้น กิจกรรมที่เขาทำตลอด 55 วันยิ่งใหญ่เกินกว่า ชื่อ อาทิวราห์ คงมาลัย จะไปลงการเมืองให้แปดเปื้อน แม้ว่าจะมีคนในวงการเมืองบางคนจะแอบคิดฉกตัวมาเพื่อหาประโยชน์จากชื่อเสียงของเขา
ไม่น่าแปลกใจที่ผลโพลล์สำนักต่างๆ ยกให้ ตูน บอดี้สแลม เป็นบุคคลแห่งปี ซึ่งสมควรอย่างยิ่งแล้วกับความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่เกิด บุคคลแห่งปี อย่างตูน บอดี้สแลม ไม่เคยยกตนหรืออวดอ้างว่าเป็นความสำเร็จแห่งตน แต่ยกให้เป็นความดีงามแห่งพลังด้านบวกของคนไทย
ภาพ : ก้าว
…………….
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ / หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3326 ระหว่างวันที่ 28-30 ธ.ค.2560