กทม.นัด! 7 ผู้ว่าฯปริมณฑล ประชุมใหญ่ "พิษสุนัขบ้า"

วันนี้ (20 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าที่มีการป้องกันและเฝ้าระวังกันอยู่ทั่วประเทศในขณะนี้ หลังมีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศแล้ว 6 ราย ล่าสุดพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่านับตั้งแต่ปี 2559 กทม.ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า และในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) กทม.จะประชุมร่วมกับจังหวัดปริมณฑล 7 จังหวัด เพื่อวางมาตรการในการดูแลควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในกทม. ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

สำหรับการดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าของกทม.นั้น ผู้ว่าฯกทม. ระบุว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตามชุมชนต่างๆ ทั่วพื้นที่กทม.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักอนามัยได้เตรียมวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไว้ที่ 250,000 – 300,000 โดส และได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้สุนัขและแมวไปแล้วประมาณ 3 หมื่นตัว โดยสำนักอนามัยได้ดำเนินมาตรการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในกทม. ทั้งเชิงรุกและเชิงรับตลอดทั้งปี ประกอบด้วย

1. มาตรการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยงปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมีนาคมและกันยายน การออกหน่วยให้บริการตามชุมชนตลอดทั้งปี โดยให้บริการในคลินิกสัตวแพทย์กทม.ทั้ง 8 แห่ง และหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 68 แห่ง
2. การควบคุมจำนวนสัตว์พาหะนำโรคพิษสุนัขบ้า ด้วยการการคุมกำเนิดสุนัขและแมวด้วยวิธีการผ่าตัดทำหมัน การจับสุนัขจรจัดไปเลี้ยงดูจนหมดอายุขัย ในศูนย์พักพิงสุนัขกรุงเทพมหานคร และจดทะเบียนสุนัขตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการควบคุมการเลี้ยง หรือปล่อยสุนัข พ.ศ. 2548
3. การเฝ้าระวัง ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์และในคน โดยจับสุนัขที่แสดงอาการสงสัยโรคพิษสุนัขบ้าไปกักสังเกตอาการ และจัดทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรคพิษสุนัขบ้าเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่สอบสวนโรคภายใน 24 ชั่วโมง
4. จัดสรรงบประมาณประจำปี เป็นค่าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ค่าเวชภัณฑ์ ค่าอาหารเลี้ยงสุนัข
5. ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ แก่ประชาชนในทุกรูปแบบเพื่อให้ทราบสถานการณ์และเข้าใจเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า และปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯกทม. ย้ำด้วยว่าปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโรคพิษสุนัขบ้าที่พบคือประชาชนบางส่วนยังขาดความรับผิดชอบในการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกต้อง เช่น ไม่นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนหรือทิ้งสัตว์ออกสู่สาธารณะ จึงได้ประสานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน NGO ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนทุกช่องทาง พร้อมจัดทำโครงการหาบ้านให้น้องหมาน้องแมว ร่วมกับภาคีเครือข่าย ส่วนกรณีการเก็บภาษีผู้เลี้ยงสุนัขนั้น เป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ในการรับผิดชอบดำเนินการ หากมีการออกกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับมา กทม.ก็พร้อมปฏิบัติตาม