ทรู ชี้แจง ขอผ่อนชำระค่างวดคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ ไม่ทำรัฐเสียประโยชน์ ระบุหากรัฐไม่ช่วยอาจมีผลต่ออุตสาหกรรมทั้งระบบ
กรณีผู้ประกอบการโทรคมนาคม ที่ชนะการการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ขอให้เสนอ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. พิจารณาผ่อนผันการชำระเงินประมูลงวดสุดท้าย ทำให้เกิดกระแสการไม่เห็นด้วยจากภาคประชาชน และ ภาควิชาการ
วันนี้( 9 เม.ย.) นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัท(ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า การยื่นขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นการขอความช่วยเหลือในการขยายจำนวนงวดชำระงวดเป็น 7 งวด เพราะเป็นมูลค่าที่สูง ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงเกินราคาคาดการณ์ถึง 6 เท่า และสูงกว่าทีวีดิจิทัล ที่มีส่วนเกิน 2 เท่า
กรณีถูกมองว่ารัฐบาลอุ้มผู้ประกอบการโทรคมนาคมไม่เป็นอย่างที่กล่าวหา เพราะผู้ประกอบการโทรคมนาคม ก็ต้องการความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล หากรัฐบาลพิจารณาให้ความช่วยเหลือ หรือไม่ให้ความช่วยเหลือ บริษัทก็ยอมรับผลการพิจารณา หากรัฐบาลให้ความช่วยเหลือ ก็เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อระบบอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในประเทศ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ หากรัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือ ยอมรับว่า การเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ครั้งต่อไปลำบากขึ้น และโดยรวมอุตสาหกรรมทั้งระบบจะได้รับผลกระทบ เพราะอนาคตต้องพัฒนาสู่ 5G และ IoT
ผู้บริหารระบุว่า ไม่สามารถตอบแทนกรรมการบริษัทได้ว่า จะเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ แต่บริษัทก็พิจารณาในการลงทุน พัฒนาเทคโนโลยีอยู่แล้ว สำหรับประเด็นผู้ประกอบการต้องเสียดอกเบี้ย 15% อัตราดอกเบี้ยเป็นค่าปรับของการผิดนัดการชำระ หรือทำให้รัฐเสียประโยชน์จากการผิดนัด แต่กรณีดังกล่าวเป็นการของความช่วยเหลือ และบริษัทยังจ่ายทั้งค่าประมูล และดอกเบี้ยครบ เพียงแต่ขยายเวลาผ่อนชำระ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้เสียผลประโยชน์ เพราะทรูยังจ่ายค่างวดทั้งหมด เนื่องจากทรูมีการวางมัดจำหรือแบงค์การันตีไว้ และอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% เป็นอัตราที่อ้างอิงเทียบได้กับทีวีดิจิทัล
ส่วนกรณีที่นักวิชาการติงว่า ผู้ประกอบการโทรคมนาคมมีกำไร รัฐบาลไม่ควรช่วยเหลือ มองว่า ถ้าเปรียบเทียบกับทีวีดิจิทัลมีหลายช่อง และ หลายช่องมีสภาพที่ดีและสภาพลำบาก มองว่ารัฐบาลควรช่วย