svasdssvasds

สั่งสอบเจ้าหน้าที่สพฉ.ขับเก๋งขวางรถพยาบาล

สั่งสอบเจ้าหน้าที่สพฉ.ขับเก๋งขวางรถพยาบาล

โรงพยาบาลราชวิถี ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีคลิปเจ้าหน้าที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ขับรถเก๋ง ขวางทางรถพยาบาล จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

ความคืบหน้ากรณี คลิปรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ สีแดง ขับขวางรถฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลครบุรี จ.นครราชสี จนทำให้ผู้ป่วยในรถเสียชีวิต  ซึ่งภายหลังผู้ที่นั่งในรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ คือ นายภาณุวัฒน์ ศรีเจริญ เจ้าหน้าที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ.ได้ออกมาอ้าง ขณะเกิดเหตุ แฟนสาว นางสาวจิราพร จุ้ยเสงี่ยม หรือ แก้ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลราชวิถีเป็นผู้ขับ ส่วนสาเหตุที่ไม่เบี่ยงรถหลบเพราะติดรถบรรทุก ขณะที่หญิงสาวรายซึ่งเป็นผู้ขับรถ ได้ออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันไม่ได้ตั้งใจขวางรถฉุกเฉิน

 

ล่าสุด นายแพทย์ ทัศนชาติ จิตรีธาตุ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านทรัพยากรบุคคล โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ทั้งผู้ที่อยู่ในรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ และ คนขับรถพยาบาล โดยยืนยันว่า การสืบสวนครั้งนี้ เป็นคนละส่วนกับที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ นายเกษมสันต์ สารภี ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล โรงพยาบาลราชวิถี ระบุ ได้เชิญบุคลากรคนดังกล่าวมาพบ และตักเตือนด้วยวาจาให้ปรับปรุงมารยาทการใช้รถใช้ถนน และ การจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่อาจพิจารณาเอาผิดทางวินัย ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับบุคลากรคนดังกล่าว พบยังมีสภาพจิตใจค่อนข้างแย่ แต่ยังมาทำงานตามปกติ ซึ่งจากการพูดคุย ดูเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ชำนาญเส้นทาง ประกอบมีความกลัวเพราะรถมาจี้ เนื่องจากปกติไม่ค่อยได้ขับรถ

สรุปปมคลิปเก๋งขวางรถฉุกเฉิน เหตุคนขับขัดแย้ง

ขณะที่ บริษัท สแตนบาย แอมบูแลนซ์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของรถพยาบาล ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากตรวจสอบพบเรื่องราวที่เกิดขึ้น มาจาก ความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างพนักงานขับรถ ไม่ใช่ความบกพร่องของ สพฉ.แต่อย่างใด

 

ตร.จ่อเอาผิดสาวขับเก๋งขวางรถพยาบาลหลายข้อหาหนัก

 

ด้าน พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ตำรวจได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งเบื้องต้น พฤติกรรมผู้ขับขี่รถเก๋งสีแดง เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 76 กรณีมีรถฉุกเฉินมา ต้องหลีกทางให้รถฉุกเฉินวิ่งผ่านไปก่อน และหนักกว่านั้นคือ ปิดกั้นไม่ให้รถพยาบาลวิ่งแซงไปได้ ทั้งที่ข้างหน้าว่างอยู่  รวมถึงอาจเข้าข่าย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย แต่ถ้ามีเจตนา คือรู้ว่าในรถมีผู้ป่วย ก็จะมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

related