svasdssvasds

อาจารย์หมอ แจงชัด ต้นเหตุ"ยาหมอแสง"ไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง

อาจารย์หมอ แจงชัด ต้นเหตุ"ยาหมอแสง"ไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโพสต์แจงเหตุยาหมอแสงถึงไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง พร้อมอธิบายขั้นตอนการผลิตยา แนะผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เหตุการรักษาทันสมัยขึ้น ยาถูกลง

วันที่ 26 เม.ย.61 ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก Ae Aumkhae หรือ ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โพสต์ภาพและข้อความกรณี กระทรวงสาธารณสุข เผยผลทดสอบว่า ยาสมุนไพรของหมอแสง ไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็ง

โดยระบุว่า ถือเป็นเรื่องดีที่กระทรวงสาธารณสุขกล้าออกมาพูดความจริง ไม่โน้มเอียงไปกับกระแสความเชื่อของสังคมไทย เนื่องจากปัจจุบันการรักษามะเร็ง มีความทันสมัยมากขึ้น ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษารูปแบบต่าง ดังนั้นอยากให้ผู้ป่วยคุยกับแพทย์ให้ละเอียด ถึงทางเลือกในการรักษา มากกว่า การตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ หรือการโฆษณาชวนเชื่อ

ทั้งนี้ ผศ.พญ.เอื้อมแข ได้อธิบายการศึกษาทดลองยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในปัจจุบันสักเล็กน้อย ชนิดเคมีบำบัด ว่า ก่อนจะออกใช่จะต้องมีการวิจัยอย่างไร โดยระบุว่า

1. สกัดเอาตัวยาออกมาจากวัตถุดิบ ทำความเข้มข้นต่างๆ กันจากน้อยถึงมาก แล้วนำไปหยอดใส่ในเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยง ว่าเซลล์ตายหรือไม่ /ถ้าเซลล์ตายแสดงว่ามีสารออกฤทธิ์จริง แล้วจึงจะนำไปศึกษาขั้นถัดไป

2.ทำการศึกษาในหนู โดยทำให้หนูเป็นมะเร็ง แล้วนำสารที่ออกฤทธิ์ไปฉีดใส่ในตัวหนู ถ้าก้อนยุบถือว่ามีสัญญาณที่ดี ว่าพบยาที่สามารถออกฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งชนิดนั้นๆ ได้

3.ทำการศึกษาในคน แบ่งเป็นระยะต่างๆ คือ

- Phase 1 ศึกษาเพื่อหาขนาดยาที่เหมาะสมที่จะใช้ในคน เพื่อไม่ให้มีผลข้างเคียงที่รุนแรงเกินไป

- Phase 2 นำขนาดยาที่เหมาะสม มาทำการทดลองให้ในคนเป็นมะเร็งชนิดที่สนใจศึกษา แต่ต้องเป็นคนที่ดื้อต่อการรักษามาตรฐาน เพื่อดูอัตราการตอบสนองต่อยา

- Phase 3 ศึกษาในคนไข้มะเร็งจริง โดยถ้าเป็นยาใหม่ ต้องนำมาศึกษาในคนไข้ที่ดื้อต่อการรักษาแบบมาตรฐานแล้ว และต้องมีกลุ่มเปรียบเทียบคือรักษาประคับประคอง

ทั้งนี้หากยาได้ผล คนไข้กลุ่มที่ได้ยาจะต้องมีชีวิตยืนยาวกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ จากนั้นจึงจะไปขึ้นทะเบียนในข้อบ่งชี้นั้นๆ ได้ แล้วจึงจะขยับขึ้นไปเปรียบเทียบกับยามาตรฐาน เพื่อเขยิบข้อบ่งชี้ขึ้นไปเป็นการรักษาลำดับแรก

ซึ่งจะเห็นกันชัดๆว่ายาสมุนไพรของนายแสงชัย ตกคุณสมบัติตั้งแต่ขั้นตอนแรกแล้ว คือไม่มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง ดังนั้นถ้าตามขั้นตอน เค้าก้อเลิกที่จะเอามาศึกษาอะไรต่อไป เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติในการรักษาโรค .. ซึ่งจริงๆถ้าผ่านขั้นตอนนี้ก้อยังมีขั้นตอนในการพิสูจน์อีกเยอะ ไม่ใช่อยู่ดีๆก้อเอามาแจก ปริมาณที่เหมาะสมที่ควรจะกินเท่าไหร่ก้อไม่เคยมีการศึกษา ผลข้างเคียงมีอะไรบ้างก้อไม่ทราบ

ในฐานะหมอมะเร็ง อยากขอให้เพื่อนๆช่วยอ่านกันให้มากๆ ช่วยกันแชร์ให้ด้วย เอ๋ไม่อยากให้คนไทยตกอยู่ใต้วังวนของการเชื่อโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ .. คนไข้โรคมะเร็งที่ไปรักษาแพทย์ทางเลือก จำนวนไม่น้อยที่จริงๆเป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งควรที่จะหายถ้าได้รับการรักษาแผนปัจจุบัน แค่เค้ากลับต้องกลายเป็นระยะแพร่กระจายเพราะไปเสียเวลากับสมุนไพรอะไรที่ไม่ได้ผล .. นอกจากนั้นบางคนยังมีผลข้างเคียง ตับวาย ไตวายกันมาก้อมาก .. การรักษาแนวทางนี้เน้นการโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนไข้ที่แข็งแรงมาพูดออกสื่อ ซึ่งจริงๆแล้วกลุ่มคนที่แข็งแรงเหล่านี้ บางคนก้อเพราะได้รับการรักษามะเร็งระยะเริ่มต้นโดยวิธีปัจจุบันมาแล้วและอยู่ในระยะปลอดโรคอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินยาอะไรอื่นก้อสบายดีได้ บางคนรักษาแผนปัจจุบันและควบคุมโรคได้ด้วยวิธีแผนปัจจุบัน แต่กลับไปเชื่อว่าโรคควบคุมได้โดยยาสมุนไพร

ยิ่งปัจจุบันการรักษามะเร็งทันสมัยมากขึ้น เรามีการรักษาจำเพาะ พุ่งเป้า และยาหลายรายการคนธรรมดาก้อเข้าถึงได้ เนื่องจากมีโปรแกรมช่วยเหลือ และยาราคาถูกลง ดังนั้น เอ๋อยากให้คุยกับแพทย์ให้ละเอียดสักนิดถึงทางเลือกในการรักษา ซึ่งอาจจะดีกว่าที่คิด โปรดอย่าให้คนรู้จักตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง อย่าหลงไปกับกระแสโฆษณาชวนเชื่อ .. ถ้าสักวันนึงเราต้องตายจากมะเร็งจริง ขอให้ตายอย่างรู้เท่าทัน ไม่ถูกหลอก แค่นั้นก้อน่าจะตายตาหลับแล้ว จริงไหม?

อาจารย์หมอ แจงชัด ต้นเหตุ"ยาหมอแสง"ไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง อาจารย์หมอ แจงชัด ต้นเหตุ"ยาหมอแสง"ไม่มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็ง

related