svasdssvasds

ปลูกทั่วไปผิดกฎหมาย! ย้ำสถานะ! "กัญชา" คือยาเสพติด

ปลูกทั่วไปผิดกฎหมาย! ย้ำสถานะ! "กัญชา" คือยาเสพติด

แจง "กัญชา" สถานะพืชยังเป็นยาเสพติด ประเภท5 ปลูกทั่วไปผิดกฎหมาย ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์-รักษาโรคในคนได้

วันนี้( 17 พ.ค.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสํานักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปัจจุบันพืชกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 เช่นเดียวกับ กระท่อม ฝิ่นและเห็ดขี้ควาย ตามพ.ร.บ.ยาเสพติด 2522 แต่ หลังจากครม.มีมติเห็นชอบในหลักการให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับพืชสารเสพติด เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการ อนุญาตให้นํากัญชามาใช้ในการทดลองวิจัยรักษาโรคในคนได้แต่มีมาตรการในการควบคุมการปลูกตามขั้นตอน ซึ่งต้องยอมรับว่า การน่ากัญชามาใช้จะเป็นประโยชน์ต่องานวิจัยทางการแพทย์

นอกจากนี้กฎกระทรวงสาธารณสุขได้ระบุว่า รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขจะเป็นผู้อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐ ปลูกหรือ ผลิตกัญชาเพื่อใช้ในการทดลองและวิจัยได้ เช่นเดียวกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยมหิดลที่ขอ อนุญาตปลูกและเสนอโครงการทดลองเพื่อใช้ในการทําสเปรย์รักษาโรคมะเร็งและบรรเทาอาการปวด

นายศิรินทร์ยา กล่าวอีกว่า ป.ป.ส. สนับสนุนการใช้พืชกัญชารักษาโรคและใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้เสรีหรือการเสพ เพื่อความบันเทิง เพราะเกรงจะเกิดปัญหาและส่งผลกระทบกับเยาวชนในระยะยาว ดังนั้น กัญชายังถือเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 มีโทษเหมือนเดิม การเสพกัญชาจะใช้เพื่อประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการรักษาโรคไม่ได้ อย่างไรก็ตาม มติครม.ฉบับดังกล่าวให้รมว.สาธารณสุขและคณะกรรมการพิจารณาการนํากัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เป็นผู้ควบคุมการผลิต นำเข้า หรือส่งออก รวมทั้งครอบครองเพื่อศึกษาวิจัย ส่วนป.ป.ส. มีอํานาจในการกําหนดเขตพื้นที่ทดลองปลูก ผลิตและทดสอบสารเสพติดที่อยู่ในกัญชา โดยต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด

“กัญชงยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 เหมือนกัญชา แต่ในปี 2560 ได้มีการอนุญาตให้ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ โดยรัฐเป็นผู้ ควบคุมอนุญาตให้โครงการหลวงและโรงงานยาสูบปลูกในแปลงทดลอง เพื่อนําไปทําวิจัยส่วนกัญชาอีก 3 ปี อาจจะ พิจารณาว่าจะอนุญาตให้บุคคลทั่วไปปลูกโดยรัฐควบคุมพื้นที่ปลูกได้หรือไม่เพื่อสนับสนุนหรือทดลองทางการแพทย์ เท่านั้น” นายศิรินทร์ยา กล่าว

ปลูกทั่วไปผิดกฎหมาย! ย้ำสถานะ! "กัญชา" คือยาเสพติด

ขณะที่นายวิโรจน์ สุ่มใหญ่ ประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ(INCB) กล่าวว่า การนําสารสกัดจาก กัญชา มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ทางยูเอ็น ไม่ได้ห้าม แต่มีข้อระบุไว้ในสนธิสัญญาว่าด้วยวัตถุมีฤทธิ์ต่อจิตและ ประสาทว่าเป็นพืชที่มี 2 สถานะคือ มีประโยชน์ทางการแพทย์นําไปใช้เป็นยารักษาโรคและมีฤทธิ์เหมือนฝิ่นและโคเคน จึงห้ามผลิต ห้ามปลูก นอกจากรัฐจะปลูกเพื่อนําไปใช้ประโยชน์การวิจัยทางการแพทย์โดยต้องมีการควบคุมเพราะพืช หรือต้นไม้ที่นําไปผลิตเป็นยารักษาโรคจะต้องปลอดจากสารเคมีทุกชนิดไม่เช่นนั้นจะไม่ผ่านมาตรฐาน อย.

โดยพื้นที่ปลูก ต้องได้รับใบอนุญาต จากนั้นจึงให้จังหวัดกําหนดพื้นที่และควบคุมพื้นที่ได้รับจัดสรรตามโควต้า สําหรับผลผลิตที่ได้จะถูกส่งเข้าส่วนกลางและโรงงานยาซึ่งทุกประเทศจะดําเนินการลักษณะนี้

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่าในประเทศอังกฤษมีการใช้สารสกัดจากกัญชามาผลิตยาแก้โรคลมชักซึ่งยูเอ็น ไม่ได้ห้าม ส่วน ไทยกฎหมายยังกําหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 การปลดล็อคกัญชาให้พ้นสถานพืชเสพติดยังทําไม่ได้แต่ทาง อย. หรือกระทรวงสาธารณสุขสามารถอนุญาตให้ปลูกเพื่อวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ผลิตยารักษาโรคได้โดย อนุญาตให้เป็นรายๆไปแต่ต้องมีการควบคุมดูแลผลผลิตซึ่งทําได้ไม่มีปัญหาเพียงจะต้องวางระบบให้ดี และยูเอ็นก็ไม่ขัดข้อง เพราะกฎหมายเปิดให้แล้ว แต่ต้องสร้างกฎหมายให้รองรับกฎกติกาที่มีอยู่ในสนธิสัญญาด้วย

 

related