หนีหัวซุก! เปิดเส้นทางหลบหนี “อดีตพระพรหมเมธี” ผ่าน 5 ประเทศ

ปฏิบัติการตรวจค้นวัด 3 แห่ง เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตเงินทอนวัด หนึ่งในพระชื่อดัง ที่หลบหนีการจับกุมครั้งนั้นไปได้ คือ อดีตพระพรหมเมธี หรือนายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร

โดยพบว่าในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจค้นวัด 3 แห่งนั้น อดีตพระพรหมเมธี ที่เดินทางไปทำกิจนิมนต์ที่จังหวัดพิษณุโลก ได้ทราบข่าว จึงตัดสินใจเดินทางด้วยรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3 กภ 8672 กรุงเทพ จากพิษณุโลก มุ่งหน้าไปนครพนม ก่อนจอดรถทิ้งไว้ ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ตำบลนางาม จังหวัดนครพนม จากนั้นเดินทางข้ามไปยังเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ประเทศลาว

กระทั่งช่วงเที่ยงคืน ของวันที่ 26 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวอดีตพระพรหมเมธี เดินทางออกจากโรงแรมดงชัย เมืองท่าแขก ซึ่งวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ขณะออกจากโรงแรม พร้อมหลานชายชื่อ-โค้ด ก่อนที่ทั้งสองคน จะเดินทางไปยังท่ารถโดยสาร เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศกัมพูชา

จากนั้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เวลาประมาณ 05.15 น.อดีตพระพรหมเมธี พร้อมหลานชาย ขึ้นเครื่องบิน ด้วยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR971 จากกรุงพนมเปญ ไปแวะจอดที่สนามบินโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม กระทั่งเวลาประมาณ 06.23 น. เครื่องบินลำดังกล่าว บินต่อไปยังสนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ และต่อเครื่องไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี จนถูกจับกุมในที่สุด

สำหรับประวัติอดีตพระพรหมเมธี เกิดที่บ้านริมน้ำนครชัยศรี ปากคลองบางระทึก ตำบลบางระทึก จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2484 ก่อนบรรพชา เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2495 ที่วัดราษฎร์บำรุง และอุปสมบท เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2504 ที่วัดสัมพันธวงศ์ โดยมีพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัด เป็นพระอุปัชฌายะให้ ก่อนใช้เวลานานร่วม 50 ปี ไต่เต้าสมณศักดิ์ขึ้นไปถึงพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย , กรรมการมหาเถรสมาคม , เจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) , และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร