โครงการซื้อเรือคืนนั้นได้ถูกบรรจุไว้ในแผนบริหารจัดการประมงทะเล (FMP) เป็นการลดจำนวนเรือประมงให้สอดคล้องกับกับสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศ มุ่งบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้ยั่งยืน
จากกรณีที่ประธานสมาคมรักษ์ทะเลไทยนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนว่า มาตรการซื้อเรือประมงคืนของรัฐบาลไม่ได้ทำให้อวนลากหมดไปจากประเทศไทย โดยจำนวนเรือที่มีการรับซื้อไม่ได้คำนวณบนพื้นฐานของจำนวนสัตว์น้ำที่มีอยู่ในทะเลเพื่อลดระดับการประมงเกินสมดุล (Over Fishing) ซึ่งเรือประมงที่เตรียมซื้อมีหลายลำเป็นชื่อของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และนายทุนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ รัฐบาลควรจัดการการทำประมงอวนลาก และดำเนินการการฟื้นฟูทรัพยากรทางธรรมชาติตามข้อตกลงการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า โครงการซื้อเรือคืน ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนบริหารจัดการประมงทะเล (FMP) ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 แผนดังกล่าว
-เป็นการซื้อเรือที่ไม่มีใบอนุญาตทำการประมงออกนอกระบบ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะกลับมาทำประมงผิดกฎหมายอีกต่อไป
-เป็นการลดจำนวนเรือประมงให้สอดคล้องกับกับสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศ
เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลอย่างยั่งยืน
-การจัดซื้อจะดำเนินการในราคาตามสภาพที่แท้จริง แต่จะไม่เกินร้อยละ 50 ของราคากลางที่ได้จัดทำไว้ จะมีการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติ
-เรือที่เข้าร่วมโครงการฯ นั้นร้อยละ 80 เป็นเรือขนาดเล็ก
คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป และในส่วนของเรือลำที่ยังมีสภาพดีจะนำไปทำเป็นปะการังเทียม เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศต่อไป
ทั้งนี้การซื้อเรือคืน ถือเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ที่แสดงความสมัครใจออกจากระบบการประมงได้มีทุนในการไปประกอบอาชีพอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
ส่วนเรื่องการฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำนั้น กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในหลายมาตรการควบคู่กันไป เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลามีไข่ วางไข่และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน การกำหนดเขตห้ามเรือประมงพาณิชย์เข้ามาทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง และมาตรการกำหนดวันทำการประมงให้กับเรือที่มีประสิทธิภาพสูงในการจับสัตว์น้ำ เป็นต้น
สำหรับการทำการประมง โดยใช้เครื่องมือทำการประมงอวนลากนั้น เป็นการใช้เครื่องมือตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจับสัตว์น้ำเป็นการโดยทั่วไปในประเทศต่าง ๆ แต่เนื่องจากเป็นเครื่องมือทำการประมงที่มีประสิทธิภาพสูง จึงต้องมีการควบคุมประสิทธิภาพ ทั้งในด้านพื้นที่ทำการประมง โดยไม่สามารถทำการประมงในเขตประมงชายฝั่ง (3 ไมล์ทะเล) ได้ การควบคุมประสิทธิภาพของเครื่องมือโดยการกำหนดมาตรฐานของเครื่องมือ เช่น
-การควบคุมความยาวของเชือกคร่าวล่าง ต้องไม่เกินตามกำหนดไว้ในใบอนุญาต
-กำหนดจำนวนถุงอวนใน อวนลากบางชนิด หากใช้เครื่องมือที่แตกต่างออกไปจะเป็นความผิดตามกฎหมาย
-มีการกำหนดขนาดของช่องตาอวนก้นถุงไม่ให้เล็กเกินไป (ต้องเกินกว่า 4 เซนติเมตร) เพื่อมิให้มีการจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก มีการกำหนดควบคุมจำนวนเรืออวนลากและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงอื่นทุกชนิดด้วย
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อเสนอจากประมงพื้นบ้าน เรียกร้องให้มีการศึกษาว่าเครื่องมือทำการประมง ประเภทอวนลากทำลายทรัพยากรหรือไม่ ซึ่งกรมประมง กลุ่มประมงพื้นบ้าน กลุ่มประมงพาณิชย์ และสถาบันการศึกษา อยู่ระหว่างร่วมกันศึกษาอยู่ หากผลการศึกษาเป็นประการใดก็จะนำมากำหนดเป็นมาตรการต่อไป
การออกใบอนุญาตทำการประมงของเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงทุกชนิด จะมีการกำหนดห้วงเวลาในการทำการประมงในแต่ละปี จะต้องไม่เกินที่กำหนดไว้ เช่น
-เครื่องมืออวนลากฝั่งอ่าวไทย กำหนดไว้ไม่เกินปีละ 240 วัน
-เครื่องมืออวนลากฝั่งอันดามันไม่เกินปีละ 270 วัน
ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณผลิตผลสูงสุดของสัตว์น้ำที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ตามที่กำหนดหลักการไว้ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 เพื่อให้ทรัพยากรสัตว์น้ำคงอยู่ต่อไปให้ชาวประมงรุ่นต่อๆ ไปสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืนต่อไป