ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ ภาคประชาสังคม พร้อมกลุ่มชาวบ้านบ้านโป่ง หมู่2 ตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งยังมีปัญหาต่อเนื่อง ยาวนานจากผลกระทบจากนโยบายเรียกคืนพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐบาล โดยที่บ้านโป่งนั้น ชุมชนได้ร่วมกันจัดสรรที่ดินและแปลงเกษตรกรรม
นายดิเรก กองเงิน กลุ่มตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และแกนนำกลุ่มปฏิรูปที่ดินชุมชนบ้านโป่ง ได้สะท้อนปัญหาที่ดินทำกิน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า ปัจจุบันชุมชนบ้านโป่ง มีแปลงที่ดินเพื่อการเกษตรที่ชาวบ้านครอบครองเพื่อทำกินประมาณกว่า 300 ไร่ ที่เรียกว่า "โฉนดชุมชน" โดยเริ่มเข้ามาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน ตั้งแต่11มี.ค.45 โดยใช้ทำประโยชน์ 3ส่วน คือ เป็นพื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย และพื้นที่สาธารณประโยชน์ เป็น1ใน5พื้นที่นำร่อง โครงการธนาคารที่ดิน
สำหรับที่ทำกินของ กลุ่มเกษตรกร ส่วนใหญ่ปลูกลำใย ปลูกชะอม และผักไร่ นา สวนผสมอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ภายในครัวเรือน มีการทำกินมานานกว่า 17 ปี หลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อสิทธิทำกินมานาน แม้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกกฎหมายก็ตาม แต่ข้อเสนอไปยังรัฐบาลหลายสมัยเพื่อออกเป็นโฉนดชุมชนเพื่อทำกินของชาวบ้านต้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่ความคืบหน้าการดำเนินการจัดซื้อที่ดินตามโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน เดือนมิถุนายน 2561 ได้ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วจำนวน 83 แปลง 20 รายคงเหลือ 84แปลง
-ที่อยู่ระหว่างดำเนินการรังวัดสอบเขตที่ดินลงนามในสัญญาจะซื้อขายที่ดินแล้วจำนวน 39 แปลง
-เจ้าของที่ดินเสนอขายที่ดินแล้วแต่การเจรจาต่อรองราคาที่ดินยังไม่ได้ข้อยุติจำนวน 11 แปลงเนื่องจากราคาสูง
-เจ้าของที่ดินเสนอขายแล้วแต่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินยุติการเจรจาซื้อขายที่ดินเป็นการชั่วคราวจำนวน 10 แปลง เนื่องจากที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และบางแปลงเป็นบ่อลึก
-เจ้าของที่ดินยังไม่แจ้งความประสงค์เสนอขายที่ดินจำนวน 13 แปลง
-เจ้าของที่ดินไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการซื้อขายจำนวน 11 แปลง
โดยข้อเสนอ ของชุมชนบ้านโป่ง ร่วมกับขบวนการภาคประชาชนต่อกรณีพื้นที่นำร่องคือขอให้มีการทบทวนรูปแบบการดำเนินโครงการโดยใช้แนวทางตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 2554 โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อที่ดินในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.5 ต่อปี ระยะเวลา 30 ปีหนี้สินลดครึ่งหนึ่ง และการกันพื้นที่ที่เกษตรกรไม่ได้เข้าประโยชน์เช่นที่สาธารณประโยชน์หรือแปลงรวมออกจากราคาค่าที่ดินที่เกษตรต้องแบกรับภาระเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่เกษตรกร