รางวัลสุดยอดวัฒนธรรม ยก "ตูน" - "จ่าแซม" เป็นบุคคลแห่งปี 2561

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสุดยอดวัฒนธรรมแห่งปี 2561 จำนวน 32 โล่รางวัล แบ่งเป็นบุคคลแห่งปี ได้แก่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) พระนักวิชาการ นักคิด นักเขียน นักบรรยายธรรมและคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้อุปถัมภ์ UNHCR ด้านสันติภาพและเมตตาธรรม นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ที่สามารถช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย นายอาทิวราห์ คงมาลัย(ตูน บอดี้สแลม) ศิลปินนักร้อง นักแต่งเพลง เป็นต้นแบบของเด็กเยาวชนและประชาชนในการช่วยเหลือสังคม น.ต.สมาน กุนัน (จ่าแซม) นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ เป็นวีรบุรุษแห่งถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่เหตุการณ์สำคัญแห่งปี ได้แก่ ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนโขนไทยเป็นมรดกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2561 และปฏิบัติการถ้ำหลวง:บันทึกวาระแห่งโลก จากเหตุการณ์ 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง– ขุนน้ำนางนอน

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้นายกฯมีความสุข ได้มอบรางวัลทรงคุณค่า สำหรับผู้ที่อุทิศตนเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และขอให้รักษาสิ่งดีๆเหล่านี้ไว้ ซึ่งการบุคคลสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ หากความตั้งใจ มุ่งมั่น และคิดดีจะไม่ยาก เพราะสามารถทำความดีได้ทุกวัน หากทุกคนมีหัวใจเข้มแข็งในการทำความดี โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ขอให้รักษาสิ่งเหล่านี้ต่อไป สนองแนวทางที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทรงไว้ในเรื่องจิตอาสา จึงขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมทำประโยชน์เพื่อสังคมและประเทศชาติต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นิสัยตนเห็นอะไรชอบแก้ไขและพัฒนา จึงขอให้ทุกคนร่วมมือสร้างความดี เพราะเราอยู่ด้วยบุญกุศล และไม่รู้ชาติหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ทำแล้วมีความสุข ขณะที่ชื่อเสียงและเกียรติยศเป็นสิ่งที่สังคมมอบให้ไม่ใช่เราตั้งเอง นายกฯ ไม่เคยคิดเช่นนั้น และยืนยันว่าจะทำให้ประเทศอย่างดีที่สุดในขณะที่ยังทำหน้าที่อยู่ อย่างไรก็ตามได้รับชมสื่อสร้างสรรค์ทุกชิ้น ดูแล้วน้ำตาซึ้ม เพราะนึกถึงพ่อแม่ นึกถึงบ้านเมือง และอีกหลายอย่าง ซึ่งล้วนเริ่มต้นมาจากสถาบันทั้งสิ้นตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนมาถึงรัชกาลที่ 10 ซึ่งรู้กันหรือไม่ว่าประเทศพัฒนาอะไรกันแล้วบ้าง ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนในการรักษาสิ่งเหล่านี้ เพราะนี่คือประเทศไทย ต้องนึกถึงเลือดเนื้อบรรพบุรุษของเที่รักษาพื้นแผ่นดินนี้ไว้ โดยไม่ได้อะไรตอบแทน แต่ทำด้วยความรักชาติรักแผ่นดิน

"วันนี้เรารักแผ่นดินเพียงพอแล้วหรือไม่ ตราบใดที่เราไม่รักไม่สามัคคีกัน สิ่งต่างๆก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะสิ่งเรานี้คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งจะร้อยพวกเราทุกคนไว้ ดังนั้นขอให้ทุกคนรวมถึงสื่อมวลชนช่วยกันในสิ่งดีๆ ส่วนสิ่งไม่ดีก็จะต้องแก้ไขเพราะปัญหามีไว้ให้แก้ ให้เรียนรู้และเป็นบทเรียน ที่ผ่านมาประวัติศาสตร์มีทั้งดีและร้าย สอนให้คนได้เรียนรู้ว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไรวันนี้เราต้องไม่สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่ดี ให้กับประเทศ และผมอยากเชิญชวนทุกคนช่วยกันสร้างสรรค์ความดีให้กับประเทศไทยถ้าพูดจาให้ร้ายกันไปมาไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น อาจเกิดประโยชน์กับคนบางกลุ่มบางฝ่ายแต่ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ เพราะเราจำเป็นต้องได้รับความเชื่อถือจากโลกภายนอกด้วย โดยเฉพาะเราจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ซึ่งใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งเหล่านี้เราต้องเตรียมการไว้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยอยู่ด้วยพหุสังคม แม้จะมีความแตกต่าง แต่จะต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ในฐานะคนไทย ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใดต้องอยู่ร่วมกันให้ได้มีความขัดแย้งหรือมีปัญหาก็ต้องพูดคุยกัน และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้ได้เพราะรัฐบาลจะสั่งการให้ใครปรองดองไม่ได้ หากทุกคนไม่เห็นชอบร่วมกันก็มีกลไกประชาธิปไตย เพียงแต่ขอให้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ ไม่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน เป็นสิ่งที่ตนเองยึดมั่นมาตลอด และคิดว่าทุกคนจะยอมรับในสิ่งที่ตนเองพูด และขอคนไทยอย่าทำลายรอยยิ้มกันเองด้วยการโมโหโกธาและโกรธแค้นกันไปมา แลต้องมีความปรองดองและสามัคคี ซึ่งไม่มีใครทำได้ไม่มีรัฐบาลไหนบังคับให้คนปรองดองกันได้ แต่อยู่ที่คนไทยทุกคนว่าหลักคิดถูกต้องหรือไม่ รวมถึงประชาธิปไตยถูกต้องหรือไม่

"ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง จึงอยากฝากสังคมช่วยเรียนรู้ว่าอะไรที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตต้องไม่เกิดขึ้นอีกทั้งในปัจจุบันและอนาค นอกจากนี้หลายคนก็บอกนายกฯเสียของหรือไม่เสียของ ซึ่งไม่ได้อยู่ที่ผมคนเดียวแต่อยู่ที่สังคม ที่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าเราจะสร้างประวัติศาสตร์วันนี้เพื่อวันหน้าอย่างไร นอกจากนี้อย่าลืมคำว่า you get what you pay ถ้าไม่ให้อะไรเลยก็ไม่มีวันได้อะไร วันนี้ผมขออนุญาตพูดภาษาอังกฤษหน่อยถึงจะไม่เก่งอย่างที่เขาว่าก็ตามแต่เห็นเวลาไปไหนเขาก็หัวเราะผมทุกประเทศ ผู้นำผมก็คุยกับเขาทุกเรื่อง เซ็นสัญญาเยอะแยะไปหมด ผมไม่เห็นจำเป็นต้องเก่งมากแบบเขา เขาเก่งแค่ไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่เดี๋ยวหาเรื่องอีกผมต้องกลับวัดระวังการพูดจา เพราะเป็นนายกฯ และเป็นหัวหน้าคสช.ด้วย ถ้าร้ายๆ ก็หัวหน้าคสช.” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามกว่า 4 ปีที่ผ่านมาปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าได้คือต้องสงบเรียบร้อย ดังนั้นความมั่นคงต้องมาก่อนเสมอ จึงขออย่าให้ใครมาบิดเบือน ถ้าเราไม่มีเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจและทหารอยู่ แล้วใครจะทำ น้ำท่วม ฝนตก ฝนแล้งใครจะช่วย เป็นสิ่งที่ทุกคนเอาไปบิดเบือน ขณะเดียวกันคนไทยหากไม่รู้จักหน้าที่ รู้จักเพียงสิทธิเสรีภาพ แต่ไม่เคารพกฎหมาย ตนมองว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนระมัดระวังอย่างดีที่สุด แม้มีคนกล่าวอ้างมากมาย แต่ตราบใดที่ทำถูกกฎหมายก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ใครทำอะไรก็ต้องถูกสอบสวนและดำเนินคดี และตนไม่เคยก้าวล่วง หากก้าวล่วงคงสั่งให้ติดคุกทุกวัน แต่ให้เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้คดีไปหากไม่ต่อสู้คดีก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้ย้ำว่า ไม่มีประเทศใดเกลียดตน ในการไปเจอผู้นำก็ดีใจที่เจอกับตน มีแต่คนไทยบางคนไม่เข้าใจและไม่รู้เลยว่ากำลังทำเพื่อใคร

ทั้งนี้ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้ฝากกับนักแสดงอาวุโสว่า อยากให้พิจารณาสร้างละครประเทศไทย ในมือของคนไทยว่า จะเดินหน้าอยากเดินหน้าอย่างไร เพื่อปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหากมีปัญหาอะไรก็สามารถปรึกษากับตนได้ เพราะสามารถช่วยเขียนเค้าโครงเรื่องราวได้