หลังจากโรงภาพยนตร์ลิโด้ หมดสัญญากับทาง กลุ่ม Apex สำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ถือสัมปทานพื้นที่สยามสแควร์ มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้สยามสแควร์ยังคงเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะวัฒนธรรม นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
ทาง LOVEis กลุ่มนักดนตรี นักแต่งเพลงไทยจากค่ายเพลงเล็กๆที่มี แนวทางเป็นของตัวเอง กลายเป็นกลุ่มธุรกิจเพลงที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจด้วยเสียงเพลงให้คนไทยมากกว่า 20 ปี และมีจุดกำเนิดจากสยามสแควร์ตั้งแต่ยังใช้ชื่อ เบเกอรี่มิวสิค เป็นกลุ่มผู้บริหารที่สำนักจัดการทรัพย์สินฯ ได้รับเลือกให้มาเป็นผู้ดูแลลิโด้ต่อจากกลุ่ม Apex
ทั้งนี้ บริษัท Love is Entertainment ทีมผู้บริหารนำโดย เทพอาจ กวินอนันต์ ,บอย โกสิยพงษ์ และ นภ พรชำนิ ที่จะเข้ามารับช่วงการบริหาร มีวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะมุ่งสนับสนุนกลุ่มอาชีพหลากหลายไม่เพียงแค่ด้านดนตรี แต่ยังต่อยอดไปยังศิลปะการแสดง นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ นวัตกรรม ให้พื้นที่ใจกลางสยามอย่างลิโดนี้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและพัฒนาศิลปะวัฒนะธรรมและนวัตกรรมสาขาต่างๆ เป็นพื้นที่ในการแสดงออกที่สามารถต่อยอดใน อาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่จำกัด
โดยยังคงใช้ชื่อโครงการว่า ลิโด้ เพื่อความเคารพสถานที่เดิม แต่เติม ไม้โท เป็น “ลิโด้” พร้อมเพิ่มคำว่า connect เพื่อให้ย้ำเป้าหมายที่ต้องการเชื่อมทุกกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างไม่ปิดกั้น
เปิดตัวกันไปเมื่อวันก่อน LIDO CONNECT โดยมีรศ. ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดีด้านการจัดการทรัพย์สินและนวัตกรรม นาย เทพอาจ กวินอนันต์, ประธานบริหารกลุ่ม LOVEis Entertainment และ บอย โกสิยพงษ์ โปรดิวเซอร์นักแต่งเพลง รวมถึง นภ พรชำนิ และ ภฤศธร สกุลไทย PIA Interior ผู้ออกแบบตกแต่ง ร่วมกันแถลง