สถานการณ์ฝุ่นละอองในต่างจังหวัดยังคงอยู่ในระดับกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องจากเข้าสู่ฤดูการเผาตอซัง ทำให้ฝุ่นเพิ่มขึ้น
โดย ที่ จ. ขอนแก่น ยายวัย 68 ปี จุดไฟเผาตอซังข้าวในที่นาตนเอง แต่ไฟลามไปติดไร่มันสำปะหลังข้างเครียง จึงลุยเดี่ยวดับไฟเอง แต่สำลักควันถูกไฟคลอกเสียชีวิต
จุดเกิดเหตุเป็น ไร่อ้อยที่ถูกเผาเป็นบริเวณกว้าง ในหมู่บ้านโคกล่าม ต.ห้วยยาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ติดกับถนนสาย อ.กระนวน - อ. ท่าคัน และมีผู้เสียชีวิต เป็นผู้หญิง 1 ราย คือ นาง เลี่ยน ศรีสวัสดิ์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ 1 บ.ห้วยยาง
จากการสอบถาม นายสัมฤทธิ์ พรมขอนยาง อายุ 61 ปี ชาวบ้านโคกล่าม บอกว่า ได้ตัวเอองเห็นไฟไหม้ป่าอ้อยลุกลามมีเปลวไฟสูง และเห็นควันสีดำพุ่งกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะการเผาไร่อ้อยถือเป็นเรื่องปกติของชาวไร่อ้อยในแถบนี้ แต่ไม่นานก็ได้ยินชาวบ้านร้องว่ามีคนถูกไฟไหม้ตายอยู่กลางป่าอ้อย จึงรีบวิ่งออกมาดู
ซึ่งเมื่อมาถึงพบเพียงลูกสาวของผู้ตายยืนร้องไห้อยู่ โดยลูกสาวบอกว่า เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (10 ก.พ. ) แม่ได้มาจุดไฟเผาตอซังข้าวในที่นาของตนเอง จากนั้นไฟได้ลุกลามต่อไปยังไร่มันสำปะหลังที่อยู่ติดกัน จึงได้ตัดสินใจนำกิ่งไม้ไปตีบริเวณที่เกิดไฟไหม้ ทำให้เป็นลมสลบไป และถูกไฟคลอกเผาร่างดำเป็นตอตะโกอยู่ในไร่อ้อย
ขณะที่ญาติได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดบ้านห้วยยางต่อไป สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิตนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีกครั้ง และตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
ส่วนที่จังหวัดเลยได้เกิดไฟไหม้ป่าที่ “ภูสะนาว” ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูห้วยหมาก ตำบลศรีสองรัก อ. เมืองเลย จ.เลย โดยไฟได้ลุกลามตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปมา จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถสกัดเพลิงที่ลุกลามได้ เนื่องจากเป็นภูเขาที่สูงชัน ยากแก่การเข้าถึงและมีใบไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก
ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 28 พร้อมด้วยส่วนราชการจำนวน 200 คน ต้องคอยสกัดอยู่บริเวณพื้นราบ เพื่อไม่ให้ไฟไหม้ลุกลามมายังสถานที่ราชการที่อยู่ใกล้เคียง เช่น มลฑลทหารบกที่ 28 ค่ายศรีสองรัก มหาวิทยามหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์ และชุมชน
ขณะที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย รายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่ตำบลนาอาน อ. เมืองเลย เป็นพื้นที่สีส้ม มีค่า 81 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพต่อกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
ส่วนในพื้นที่เทศบาลนคร จ.นครราชสีมา ได้ทำการติดตั้งเสาเหล็กจำนวน 7 ต้น บริเวณด้านหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง เพื่อต่อท่อน้ำฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก
โดยช่วงเย็นวานนี้ ( 10 ก.พ.) ได้เริ่มทดลองฉีดน้ำสปริงเกอร์ทั้ง 7 ตัว ขณะที่เทศบาลได้ขอความร่วมมือได้ขอความร่วมมืองดการจุดธูปเทียน บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พร้อมกับเช็คค่าฝุ่นละอองวันต่อวัน ซึ่งหากได้ผลดีก็จะขยาย การติดสปริงเกอร์พ่นน้ำโดยรอบคูเมืองทั้ง 4 มุมเมือง และตามสะพานลอยข้ามถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาต่อไป