svasdssvasds

ผลวิจัย พบสถิติ "รถฉุกเฉิน" เกิดอุบัติเหตุจากการไปชนรถคันอื่น 67.8%

ผลวิจัย พบสถิติ "รถฉุกเฉิน" เกิดอุบัติเหตุจากการไปชนรถคันอื่น 67.8%

สพฉ. เปิดผลวิจัย  “สิ่งคุกคามต่อสุขภาพและอุบัติเหตุจราจร ของคนขับรถปฏิบัติการฉุกเฉิน” หาแนวทางพัฒนามาตรฐานรถฉุกเฉินรักษาชีวิตบุคลากรในรถปลอดภัย  พบสถิติรถฉุกเฉินเกิดอุบัติเหตุจากการไปชนรถคันอื่น ร้อยละ  67.8 

คณะวิจัย นำโดยแพทย์หญิง นภัสวรรณ พชรธนสาร สำรวจ “สิ่งคุกคามต่อสุขภาพและอุบัติเหตุจราจรระหว่างการปฏิบัติงานของคนขับรถปฏิบัติการฉุกเฉิน”  เพื่อหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไข   ซึ่งการสำรวจในครั้งนี้เริ่มที่ จังหวัดชลบุรี ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง 199  คน  ในโรงพยาบาลเอกชน 1 แห่ง และมูลนิธิกู้ภัย  3 แห่ง

 

ผลการศึกษาพบว่า  คนขับรถปฏิบัติการฉุกเฉิน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 36.7 ปี  ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำร้อยละ 33.2 หรือเฉลี่ย 2.2 ครั้งต่อสัปดาห์  ,  ดื่มกาแฟเป็นประจำร้อยละ 48.7 หรือเฉลี่ย 1.6 แก้วต่อวัน ,  ดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังเป็นประจำ ร้อยละ 35.7 หรือเฉลี่ย 1.2 ขวดต่อวัน   , นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 10.1   และไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำร้อยละ 43.2

 

กลุ่มตัวอย่างนี้ มี  42 คน เคยประสบอุบัติเหตุจราจรในช่วงเวลาการทำงาน  56 ครั้ง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดอุบัติเหตุจราจรคือไปชนยานพาหนะคันอื่นร้อยละ 67.8   และมักจะเกิดในระหว่างช่วงเวลา 20.01 – 24.00 น.มากถึงร้อยละ 67.8    และระหว่างช่วงเวลา 20.01-24.00 น. ร้อยละ 33.9    ด้วยความเร็วในการขับขี่  81-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุมีสาเหตุ มาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านพาหนะ ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและกายภาพ

 

นอกจากนี้ยังได้รับความเสี่ยงจากการสัมผัสกับสิ่งคุกคามในขณะปฏิบัติหน้าที่ อาทิ การสัมผัสเลือดจากผู้ป่วยร้อยละ 49.3 ยกของหนักร้อยละ 46.2   หรืออุบัติเหตุจากของมีคม ถูกทำร้ายร่างกาย  และความกดดันทางจิตใจ   โดยสถิติที่ผ่านมาพบว่าคนขับรถปฏิบัติการฉุกเฉินมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีปัญหาสุขภาพจิตเป็นจำนวนร้อยละ 16.2

ผลวิจัย พบสถิติ "รถฉุกเฉิน" เกิดอุบัติเหตุจากการไปชนรถคันอื่น 67.8%

นพ.สัญชัย ชาสมบัติ รองเลขาธิการ  สพฉ.  ระบุว่า  แม้อุบัติเหตุไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่หากมีการเตรียมพร้อม ก็จะช่วยลดตัวเลขการสูญเสียได้   ซึ่งที่ผ่านมา สพฉ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยรถพยาบาล  และ สพฉ. ได้ออกประกาศหน่วยปฏิบัติการเพื่อพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัย   โดยมาตรฐานของรถ  คือต้องมีอุปกรณ์พร้อม ทั้งเครื่องมือ สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เครื่องวัดความดัน อุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วย อุปกรณ์ติดตามสัญญาณชีพผู้ป่วย   เก้าอี้นั่งเจ้าหน้าที่ภายในรถ เตียงนอนผู้ป่วย จะต้องมีมาตรฐาน  มีเข็มขัดนิรภัย และอุปกรณ์ผูกรัดมัดตึง เพื่อช่วยรักษาชีวิตบุคคลภายในได้อย่างปลอดภัย  ส่วนมาตรฐานบุคลากร ต้องมีการอบรมพนักงาน อย่างต่อเนื่อง   ไม่เว้นแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องฝึกฝนเช่นกัน เพราะการขึ้นไปอยู่บนรถฉุกเฉิน  ต้องมีทักษะการยืน นั่ง ในรถให้เป็น  และที่สำคัญที่สุด   คนขับรถ ต้องขับขี่อย่างปลอดภัย  มีความพร้อม ทั้งสภาพร่างกายจิตใจ มีการตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมอยู่เสมอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

related