บก.จร.ประกาศใช้จริงปิดทางเบี่ยง 5 แยกลาดพร้าว พบรถวิ่งคล่องตัวมากขึ้น

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประกาศใช้จริงปิดทางเบี่ยงถนนวิภาวดีขาเข้า ช่องทางหลักขึ้นสะพานข้ามแยกห้าแยกลาดพร้าว หลังทดลองใช้มานานกว่า 2 เดือน พบช่วงเช้าชั่วโมงเร่งด่วน การจราจรคล่องตัว ลดปริมาณรถสะสมได้เป็นอย่างดี

วันที่ 17 ก.พ. 2563 พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ข้าราชการตำรวจในสังกัด ลงพื้นที่สังเกตการณ์ บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และประกาศเริ่มใช้จริงปิดทางเบี่ยงถนนวิภาวดีขาเข้า ช่องทางหลักขึ้นสะพานข้ามแยกห้าแยกลาดพร้าว หลังทดลองใช้มานานกว่า 2 เดือน ตั้งแต่ 17 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันพบว่าสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้ดี

พล.ต.ต. จิรสันต์ เปิดเผยว่า เมื่อเทียบปริมาณรถสะสมในแต่ละช่องทาง พบว่าการปิดทางเบี่ยงห้าแยกลาดพร้าว สามารถลดปริมาณรถสะสมได้เป็นอย่างดี จากเดิมถนนวิภาวดีจะมีท้ายแถวเลยแยกบางเขนถึงหลักสี่ และอาจต่อเนื่องถึงท่าอากาศยานดอนเมือง แต่หลังปิดทางเบี่ยงท้ายแถวเหลือไม่เกิดแยกบางเขน ส่วนถนนรัชดาภิเษก จากเดิมท้ายแถวจะเลยแยกประชานุกูลไปถึงพระราม 7 แต่หลังปิดทางเบี่ยงท้ายแถวไม่ถึงแยกประชานุกูล เพราะรถสามารถเคลื่อนตัวเข้าแยกรัชโยธินได้อย่างต่อเนื่อง

ที่ประชุมจึงมีความเห็นให้ดำเนินการปิดทางเบี่ยงต่อไป แต่มีการปรับเปลี่ยนเวลา ให้สอดคล้องกับการจราจรช่วงเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น คือ จากเดิมปิดทางเบี่ยงตั้งแต่เวลา 06.00 น.- 09.00 น. ในวันเปิดราชการ เปลี่ยนเป็น เวลา 06.30-08.30 น.

อีกส่วนหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยน คือการแบ่งช่องจราจร โดยนายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 ระบุว่า ได้ตีเส้นและเปลี่ยนเครื่องหมายจราจรบริเวณห้าแยกลาดพร้าวใหม่ เริ่มจากถนนพหลโยธินขาเข้า ที่จะกลับรถไปดอนเมือง จากเดิมหนึ่งช่องทางจราจรเพิ่มเป็น 2 ช่องทางจราจร และ ลดช่องจราจรจากพหลโยธินขาเข้ามุ่งหน้าสะพานควายจาก 3 ช่องทางเหลือ 2 ช่องทาง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการจราจร เพื่อให้รถวิ่งในช่องทางจราจรของแต่ละช่องได้ถูกต้อง