svasdssvasds

หั่นงบบัตรทอง ! เพจแวดวงสาธารณสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก

หั่นงบบัตรทอง ! เพจแวดวงสาธารณสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก

เพจ Gossipสาสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก หั่นงบบัตรทอง กองทุนบัตรทอง และกระทรวงสาธารณสุข ถูกหั่นงบประมาณรวม 3.6 พันล้าน

หั่นงบบัตรทอง

หั่นงบบัตรทอง เพจ Gossipสาสุข ซึ่งเป็นเพจในแวดวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นกรณีที่ กองทุนบัตรทอง และกระทรวงสาธาณสุข ถูกหั่นงบประมาณรวม 3.6 พันล้าน ดังนี้

เปิดร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณสู้ “โควิด-19” กองทุนบัตรทองถูกตัดงบ 2,400 ล้าน กระทรวงสาธารณสุขโดนด้วย 1,200 ล้าน

หั่นงบบัตรทอง ! เพจแวดวงสาธารณสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเพิ่งให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ... ซึ่งจะเป็นสาระสำคัญ ในการโอนงบประมาณของแต่ละกระทรวง รวมมูลค่าแล้วกว่า 100,395 ล้านบาท

เข้าไปอยู่ใน “งบกลาง” เพื่อสำรองจ่ายในกรณีจำเป็น ฉุกเฉิน เร่งด่วน ในการช่วยเหลือ เยียวยา ผลกระทบจากโควิด – 19 ต่อประชาชน

แน่นอน เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะหลังจากนี้อีก 1 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม ภาคธุรกิจ ภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว จะไม่สามารถเดินหน้าได้ตามปกติ

GDP ไทย จากที่ปีที่แล้วโตต่ำอยู่แล้วที่ 2.4% ปี 2563 มีการประเมินว่าจะติดลบ 5-7% เพราะ “เครื่องยนต์” หลัก อย่างการท่องเที่ยวนิ่งสนิท

เมื่อหาแหล่งรายได้อื่น หาเงินเข้าประเทศไม่ได้ และปีนี้ จะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าอย่างไม่ต้องสงสัย ก็ต้องนำมาซึ่งการโอนงบประมาณ กลับมาไว้ที่นายกฯ เพื่อให้เบิกจ่ายง่าย และคล่องที่สุด เป็นส่วนเสริมของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งผ่าน ครม.ไปก่อนหน้านี้

แน่นอน อำนาจจัดซื้อ – จัดจ้าง ของรัฐมนตรี ก็จะหายไป และหลายกระทรวง อาจต้องอยู่กันอย่าง “อดอยากปากแห้ง” ในอีก 1 ปีข้างหน้า บางกระทรวงที่รัฐมนตรีหวังจะโยกเงินไปจ่ายค่า “งูเห่า” หรือไปจ่ายเงินทำพรรค ก็อาจได้รับผลกระทบ..

หั่นงบบัตรทอง ! เพจแวดวงสาธารณสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก

สำหรับงบประมาณที่โดนตัดเยอะที่สุด อยู่ที่กระทรวงกลาโหม หายไป 1.8 หมื่นล้านบาท หนึ่งในนั้นก็คือ “รถหุ้มเกราะล้อยาง” สไตรเกอร์ ที่สั่งจากสหรัฐอเมริกา วงเงิน 4,515 ล้านบาท

หรือ แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ ของกองทัพเรือนั้น งบจะหายไปราว 4,130 ล้านบาท

ทำให้การจัดซื้ออาวุธที่ทำกันอย่างต่อเนื่อง หายไป ไม่เหมือนเดิมและงบที่ใช้ในการ “ดูงานต่างประเทศ” การจัดซื้อจัดจ้างหลายอย่างที่ไม่จำเป็น ก็จะหายไปเช่นกัน

ปัญหาก็คือ หากเป็นงบประมาณที่ไม่จำเป็นจริง ก็พอทำเนา แต่สำนักงบประมาณ ตัดไปตัดมา กลับไปตัดเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือกองทุนบัตรทอง ปี 2563 ด้วย

โดยที่แม้แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข และประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็ไม่รู้เรื่อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานหลักที่รับเงินจากกองทุนก็ไม่รู้เรื่อง และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็ไม่รู้เรื่อง

โดยปกติ การ “โอนกลับ” มักจะมีรายละเอียดว่า จะโอนงบประมาณส่วนไหน โครงการอะไร แต่ในส่วนของงบสำนักงานหลักประกันสุขภาพนั้นใช้วิธีเทียบบัญญัติไตรยางค์เอาโต้งๆ ว่าจะตัดจากงบกองทุนบัตรทอง 1.25 % จนเคาะมาได้ที่ตัวเลข 2,400 ล้านบาท

ทีนี้คนใน สปสช. ในบอร์ด สปสช. และในกระทรวงสาธารณสุข ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะเงินในกองทุนบัตรทองนั้น ไม่ใช่งบสำหรับบริหาร สปสช.

แต่คืองบประมาณค่ารักษาพยาบาลสำหรับคนไทยที่อยู่ภายใต้ระบบบัตรทองมากกว่า 49 ล้านคน ซึ่งปัจจุบัน งบเหมาจ่ายรายหัวอยู่ที่ราว 3,600 บาท ต่อคนต่อปี

และในที่นี้ ก็รวมถึงการรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคค่าใช้จ่ายสูงราคาแพง การรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ฯลฯ หรือแม้แต่กรณีป่วยด้วยโรคโควิด – 19 กรณีการจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อต่อสู้กับโควิด การระดมตรวจโรคเชิงลึก ก็สามารถเบิกจากกองทุนบัตรทองได้

หั่นงบบัตรทอง ! เพจแวดวงสาธารณสุข ชี้ รัฐบาลเตรียมรับแรงกระแทก

เพราะฉะนั้น เงินที่ลงไปยังโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะหายไปทันทีกว่า 2,400 ล้านบาท เพื่อกันไปเป็นงบฉุกเฉินส่วนอื่น

ซึ่งจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเอาไปใช้อย่างไร เยียวยาอย่างไร ขอเพียงกันไว้เป็นงบกลางไว้ก่อน

ไม่ใช่เพียงกองทุนบัตรทองอย่างเดียว ที่ถูกโอนคืน กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงาน “แนวหน้า” ในการจัดการก็โดนด้วย 1,200 ล้านบาท

ที่โดนหนักสุด คือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ปีงบประมาณนี้ เงินจะหายไปมากกว่า 895 ล้านบาท โดยไปกองอยู่ใน “แผนงานยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี” กว่า 707 ล้านบาท

หากตัดเฉพาะงบประมาณการไปราชการต่างประเทศ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร แต่ส่วนใหญ่ งบของสำนักงานปลัดฯ ที่ถูกตัดออก กลับไปกองอยู่ที่งบการปรับปรุงอาคารโรงพยาบาล อาคารผู้ป่วยนอก - ผู้ป่วยใน

ไปจนถึงอาคารผู้ป่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งน่าแปลกใจที่สำนักงบประมาณ เห็นว่า “ไม่มีความจำเป็น”

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ที่หวังกันว่า ปีงบประมาณ 2563 จะมีการปรับปรุง “บ้านพัก” แพทย์ - พยาบาล และข้าราชการนั้น ขอให้สบายใจได้เลยว่า ไม่ได้ปรับปรุงแน่นอน

เพราะงบส่วนสร้างและปรับปรุงอาคารบ้านพักของหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศนั้น ถูกโยกไปเป็นงบกลาง ภายใต้นายกฯ ประยุทธ์ เรียบร้อยเช่นกัน

เมื่อโยกไปแล้ว การจะของบกลางกลับมาใช้ในหน่วยงานให้เหมือนเดิม โดยอ้างความ “จำเป็น” นั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ยากแค่ไหน

การตัดงบประมาณช่วงการต่อสู้กับโรคระบาด ทั้งของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และของกระทรวงสาธารณสุข จึงเป็นข้อเสนอที่แปลกประหลาด

ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า จะมาจากการเสนอของหน่วยงานอย่างสำนักงบประมาณ และก็ไม่น่าเชื่อว่าคณะรัฐมนตรีจะ “เห็นชอบ” โดยไม่มีการทักท้วง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของระบอบประชาธิปไตยก็คือ พ.ร.บ.โอนงบประมาณ จะยังคงมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็น จะต้องผ่านการพิจารณาของ ส.ส. - ส.ว. และยังปรับแก้ในรายละเอียดได้หลังจากนี้

ว่ากันว่างบประมาณในช่วง “ภัยพิบัติ” ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นงบส่วนที่ “ชุบมือเปิบ” ง่ายที่สุด และหอมหวานที่สุด เพราะการตรวจสอบจะไม่เข้มข้นมากนัก เพราะเหตุเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน

หากตอบคำถามไม่ได้ว่างบประมาณที่หายไป จะนำไปใช้อะไร และปรับลดโดยไม่มีสาเหตุจนกระทบกับการรักษาพยาบาล กระทบกับทีมแพทย์ - พยาบาล ที่อยู่แนวหน้า จนต้องทำหน้าที่กันอย่างยากลำบากนั้น รัฐบาลก็เตรียมรับแรงกระแทกได้เลย

ภาพโดย Hank Williams จาก Pixabay

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หั่นงบบัตรทอง 2.4 พันล้านบาท ! หมอสุภัทร ชี้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด

related