ออกกำลังกายช่วงโควิด-19 ใส่ Mask จะทำให้เกิดอะไร กับมาตรการผ่อนปรนที่รัฐให้มา

ใส่แมสออกกำลังกาย จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ถึงขั้นทำให้รัฐบาลต้องออกประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ปิดสถานที่ต่างๆที่เป็นการเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ไม่เว้นแม้แต่สวนสาธารณะที่คนส่วนมากมักจะไปออกกำลังกายกันที่นั้น

ล่าสุดรัฐบาลได้มีการประกาศผ่อนปรน 6 กิจการและกิจกรรมซึ่ง 1 ในนั้นมีข้อ กีฬา สันทนาการ คือ กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดินรำไทเก๊ก สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟและสนามซ้อม

จึงทำให้คนที่รักสุขภาพทั้งหลายกลับมาออกกำลังกายได้อีกครั้งแต่ต้องอยู่ในพื้นฐานความปลอดภัย โดยให้อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

จัดให้มีจุดคัดกรองพนักงานดูแล และผู้มาใช้บริการ ด้วยการสังเกตและสอบถามอาการในเบื้องต้น หรือใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่ามีไข้หรือมีอุณหภูมิร่างกายมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส

หรือมีอาการป่วย เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก หรือเหนื่อยหอบ ต้องงดให้บริการ และแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที

ส่วนผู้ดูแลหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ให้บริการ และให้ผู้มาใช้บริการทุกคนสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเมื่อมีการพูดคุยกับพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานในสวนสาธารณะ พร้อมทั้งจัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ในบริเวณที่มีการทำกิจกรรมอย่างทั่วถึง

สวมหน้ากากอนามัยออกกำลังกาย

ในเรื่องนี้ได้มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชายหลายท่านได้ออกมาแนะนำถึงการออกำลังกายในช่วงโควิด-19

ครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี  อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ไม่แนะนำในการออกกำลังกายกลางแจ้งแล้วใส่แมส นอกจากการเดินออกกำลังกายเบาๆหรือกิจกรรมที่ไม่ได้เพิ่มอัตราการทำงานของหัวใจหรือการหายใจที่สูงขึ้น เพราะในขณะที่เราออกกำลังกาย เราจะหายใจเร็วและถี่ขึ้นเพื่อนำออกซิเจนไปสันดาบสร้างพลังงาน

การใส่แมส ก็คือ การกั้นลมหายใจเข้าให้น้อยกว่าปกติ มีแผ่นกั้นทำให้มีแรงต้านอากาศ กล้ามเนื้อและหัวใจทำงานมากขึ้น ออกซิเจนเข้าน้อยลงในขณะที่ความต้องการเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ หายใจก็ยาก ทำให้เหนื่อยเร็วขึ้น เวลาหายใจออก คาร์บอนไดออกไซค์ที่ควรจะถูกถ่ายทิ้งออกไปก็ยังคงค้างอยู่ในแมสซึ่งเมื่อหายใจเข้าอีกครั้งก็จะมีก๊าสคาร์บอนไดออกไซค์กลับเข้าสู่ร่างกาย การหายใจที่วนอยู่ในแมสบางส่วน

ในการออกกำลังกาย ทำให้แมสเพิ่มความชื้นจากลมหายใจและเหงื่อ กลับเป็นผลในทางลบที่จะลดประสิทธิภาพของการป้องกันเชื้อโรค อันตรายอย่างยิ่งสำหรับ เด็ก ผู้สูงวัยและผู้ที่มีภาวะโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบการหายใจ แต่ถ้าต้องใส่ก็ควรลดความเข้มข้น เช่น ความเร็ว ระยะทาง เวลารวมในการออกกำลังลง หรือลดความหนาของแมสที่ใส่

นักวิ่งก็ควรหลีกเลี่ยงการซ้อมที่มีการเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจ อาทิ การวิ่งแบบ INTERVAL ,TEMPO , การวิ่งขึ้นที่สูง , หรือการวิ่งที่ต้องใช้พลังในการเร่งความเร็วมากๆ

​ด้าน แพทย์หญิงพรรณพิมล อธิบดีกรมอนามัย ให้ออกมาให้ข้อมูลเรื่องนี้เช่นกัน สำหรับประชาชนที่วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะนั้น ขณะวิ่ง ไม่ควรสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เนื่องจากเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องการออกซิเจนมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากการหายใจเร็วขึ้น การสวมใส่หน้ากากผ้าหรืออนามัยจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอโดยเฉพาะหน้ากาก N95 ที่ป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้มากกว่าหน้ากากอนามัย ก็จะยิ่งทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ ที่ออกมาจากร่างกายสะสมอยู่ในหน้ากาก มีโอกาสที่จะหายใจไม่ทันได้

ดังนั้น นักวิ่งทุกคนจึงควรจะเพิ่มระยะห่างในการวิ่งตามกันให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งห่างกันเท่ากับโอกาสในการติดเชื้อก็ยิ่งน้อยลงด้วย และที่สำคัญอย่าไปสัมผัสกับพื้นผิวสัมผัสในที่สาธารณะต่างๆ โดยไม่จำเป็น

ส่วนผู้ที่เดินออกกำลังกายให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยระยะใกล้ชิด ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น และหลังออกกำลังกายให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ นอกจากนี้เมื่อกลับถึงบ้านให้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำทันที

“ทั้งนี้ ในส่วนสถานที่สวนสาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ทางเดิน ออกกำลังกาย พื้นถนน ประตู สวน เก้าอี้ ม้านั่ง จุดให้บริการน้ำดื่ม โดยเฉพาะก๊อกน้ำดื่ม อุปกรณ์และอื่น ๆ ที่มีการใช้ร่วมกันภายในสวนสาธารณะเป็นประจำทุกวันก่อนและหลังเปิดสวนสาธารณะ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นจุดสัมผัสหรือที่ใช้ร่วมกัน หากมีผู้ใช้บริการมากให้เพิ่มความถี่ทำความสะอาด อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง จัดระยะห่างระหว่างเก้าอี้นั่งในบริเวณสวนสาธารณะให้มีระยะห่างกัน 1-2 เมตร และ จัดให้มีถังขยะสภาพดีที่มีฝาปิด สำหรับทิ้งขยะ และให้รวบรวมขยะออกจากสวนสาธารณะทุกวันเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกต้องต่อไป สำหรับห้องส้วมให้หมั่นทำความสะอาดอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังผู้ใช้บริการเข้าใช้บริการด้วยน้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วยสารฆ่าเชื้อโรคบริเวณจุดที่มีการใช้ร่วมกัน ได้แก่ กลอนหรือลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือ ที่รองนั่งโถ เป็นต้น เพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดี พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชน ที่ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการของสวนสาธารณะอย่างเคร่งครัดด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ออกกำลังกายในช่วงโควิด-19 สามารถทำที่บ้านได้

สำหรับการออกกำลังกายที่บ้าน หากไม่มีอุปกรณ์หรือพื้นที่ อาจเลือกชนิดการออกกำลังกายที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก เช่น

การเดินเร็วรอบๆ บ้าน  กระโดดเชือก เต้นแอร์โรบิก โยคะ ออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงแบบบอดี้เวท หรือเลือกใช้สิ่งของทดแทน เช่น การยกน้ำหนัก โดยใช้ขวดน้ำแทน

ทำงานบ้าน เปิดคลิปออกกำลังกายออนไลน์ดูตัวอย่างการออกกำลังกาย การออกกำลังกายในแต่ละครั้งขอให้ได้ถึงระดับที่เหนื่อยพอพูดเป็นประโยคสั้นๆ ได้ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที ก็จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง

สำหรับคนที่พื้นที่บ้านเล็กจนไม่สามารถออกกำลังกายได้ จนมีความจำเป็นต้องใช้สถานที่สาธารณะในการออกกำลังกาย ควรปฏิบัติดังนี้

รักษาระยะห่างบุคคล โดยเว้นระยะ 2 เมตร เพื่อลดการรับสัมผัสเชื้อโรคที่ลอยมากับเสมหะ น้ำลาย น้ำมูกของผู้อื่น หรือจากการจับต้องสัมผัสมือกับผู้อื่นแล้วมาสัมผัสหน้าตนเอง เป็นการนำเชื้อเข้าร่างกาย

ลดการสัมผัสในจุดสัมผัสร่วมของอุปกรณ์ต่างๆ  ควรทำความสะอาดมือ เครื่องมือและอุปกรณ์เป็นประจำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กำจัดเชื้อ เช่น น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ 70% หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดหรืออยู่ในที่มีคนหนาแน่น  ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก  ระวังการใช้มือสัมผัสใบหน้า จมูก ตา ปาก ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19