'นูรี' เตรียมแผลงฤทธิ์กระทบไทย 13-16 มิ.ย. นี้ พายุโซนร้อนเกิดได้อย่างไร ชื่อที่ตั้งมาจากไหน วันนี้มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับ 'พายุโซนร้อนนูรี'
พายุโซนร้อน หรือ Tropical Atorm อย่างเช่น 'นูรี' หรือ 'พายุโซนร้อนนูรี' ที่กำลังจะนำพาฝนมาตกในประเทศไทยทั่วทุกภาคของประเทศไทย ตามรายงานประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 13-16 มิถุนายนนี้ ก็คือพายุที่ก่อนตัวขึ้นเหนือน่านน้ำในมหาสมุทรแถบเส้นศูนย์สุตร โดยความเร็วลมจะอยู่ระหว่าง 64-118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เส้นผ่าศูนย์กลางกว้างกว่า 100 กิโลเมตร มีความรุนแรงกว่าพายุดีเปรสชัน (Tropical Depression) แต่ไม่เท่า พายุไต้ฝุ่น ,ไซโคลน หรือเฮอร์ริเคน
ทั้งนี้พายุโซนร้อนดังกล่าวได้ก่อตัวขึ้นเหนือผิวน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 26.5 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นพายุเจ้าประจำในมหาสมุทรแถบเส้นศูนย์สูตรของโลก เป็นลักษณะพายุหมุน แต่ไม่ชัดเจน และรุนแรงขนาดที่มีตาพายุอย่างไต้ฝุ่น หรือเฮอร์ริเคน ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการก่อตัวคือ ความชื้น และความร้อนในอากาศเหนือมหาสมุทรนั่นเอง
โดยส่วนใหญ่เมื่อพายุโซนร้อนขึ้นฝั่งจดลดระดับกำลังลง เหลือเพียงพายุดีเปรสชัน หรือแค่กลุ่มแมฆหมุนวนเท่านั้น ก่อนจะสลายตัวไปในที่สุด เพราะต้องปะทะกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และไม่ได้รับพลังงานความร้อน ความชื้นจากทะเลอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
แต่ทว่า หากพายุโซนร้อนมีการก่อตัวในมหาสมุทรที่ไกลชายฝั่งมากขึ้น ก็มีโอกาสที่พายุจะสามารถพัฒนาความแรงขึ้นไปจนถึงระดับพายุไต้ฝุ่น หรือเฮอร์ริเคนได้เช่นกันเนื่องจากมีระยะเวลาในการก่อตัว สะสมความร้อน และความชื้นซึ่งเป็นปัจจัยหลักได้มากขึ้นด้วย
ส่วนการตั้งชื่อพายุนั้น 'พายุโซนร้อนนูรี' เหมือนพายุลูกอื่นๆ ที่จะถูกตั้งชื่อโดยหน่วยงานกรมอุตุนิยมวิทยาของแต่ละภูมิภาค เมื่อพายุมีกำลังความเร็วลมสูงสุดเกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือก่อตัวเป็นพายุโซนร้อนแล้ว ซึ่งในพื้นที่แถบแปซิฟิคตะวันตก และทะเลจีนใต้ ประเทศไทยเอง ได้ร่วมมือกับอีก 13 ประเทศสมาชิกในคณะกรรมการไต้ฝุ่น และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ได้แก่
ชื่อ นูรี (Nuri) นั้นเป็นภาษามลายู (ภาษาราชการของมาเลเซีย) แปลว่า นกชนิดหนึ่งในตระกูลนกแก้ว ในอดีตเคยใช้ชื่อนี้เรียกพายุมาแล้ว 2 ครั้ง คือในปี 2551 และในปี 2557 ซึ่งเป็นพายุที่มีความแรงในระดับพายุไต้ฝุ่น แต่ในปีนี้ (2563) พายุ “นูรี” ได้เริ่มก่อตัวในทะเลฟิลิปปินส์ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลจีนใต้และเพิ่มความแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันและพายุโซนร้อน
ภาพถ่ายดาวเทียมของนาซาระบุว่า ขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะฮ่องกงวันนี้ (13 มิ.ย.) ความเร็วลมสูงสุดของพายุ “นูรี” อยู่ที่ 55.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง และคาดว่าจะเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น และทำให้เกิดฝนตกหนักทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮ่องกงในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.)
ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประเทศไทย ได้มีการออกประกาศเตือนเรื่อง 'พายุโซนร้อนโนรี' ฉบับที่ 4 ช่วงเช้าวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีการเตือนว่า พายุโซนร้อน 'นูรี' บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.0 องศาตะวันออก กําลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง
คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. 2563 ลักษณะเช่นนี้ทําให้ในช่วงวันที่ 13-16 มิถุนายน 2563 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกําลังแรงขึ้น ส่งผลทําให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชน บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
ทั้งนี้ แม้พายุโซนร้อนจะมีความรุนแรงไม่มากเท่าพายุไต้ฝุ่นหรือเฮอร์ริเคน แต่พายุโซนร้อนก็สามารถสร้างความเสียหายในบริเวณกว้างจากปริมาณฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะในแถบพื้นที่ราบลุ่มและบริเวณที่ราบสูงตามเทือกเขาต่างๆ
ข้อมูลจาก : ฐานเศรษฐกิจ