"เสรี" ชี้! น้ำท่วมสกลนคร เกิดจากปริมาณฝนมากกว่าปกติ

ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ทั่วประเทศจะต้องเตรียมรับมือฝนตกหนักอีกครั้งในวันนี้ (4 ส.ค.) พร้อมระบุ สาเหตุน้ำท่วมใหญ่สกลนครเกิดจากฝนที่ตกหนัก ปริมาณน้ำมากกว่าทุกปี

วันที่ 4 ส.ค. 60 – นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่ จ.สกลนคร ปัจจัยหนึ่งมาจากน้ำที่ล้นจากอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น หลังจากทำนบคันดินพังลง แต่สาเหตุหลัก ๆ มาจาก ปริมาณน้ำฝนที่มีมากกว่าทุกปี

ถ้าดูจากข้อมูล ปริมาณน้ำฝนที่ตกใน จ.สกลนคร แบบรายวัน พบว่า วันที่ 26 ก.ค. มีปริมาณน้ำฝน 30.3 มิลลิเมตร, วันที่ 27 ก.ค. มีปริมาณน้ำฝน 130.1 มิลลิเมตร และวันที่ 28 ก.ค. มีปริมาณน้ำฝน 180.3 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่า มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 30 ปี

แนะทำ “แผนที่แสดงระดับอุทกภัย” ทุกพื้นที่

วิธีที่แก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ต้องเริ่มที่หน่วยงานในท้องที่ทุกพื้นที่จะต้องทำ “แผนที่แสดงระดับอุทกภัย” โดยใช้ข้อมูลจากปริมาณน้ำฝนในแต่ละปี มาประมวลว่า “พื้นที่ใดมีฝนตกเท่าไร?” และ “ปริมาณฝนเท่าไร?” จึงจะทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ แล้วประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบว่า “จุดใดที่จะเกิดน้ำท่วม?” เพื่อให้ชาวบ้านเตรียมตัวรับมือให้ทัน และให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งระยะเวลาที่จะแจ้งเตือนได้แม่นยำที่สุด คือ ประมาณ 1 สัปดาห์

เตือน! 4-8 ส.ค. ฝนตกหนักอีกระลอก

ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ กล่าวอีกว่า ช่วงระหว่างวันที่ 4-8 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคอีสาน และวันที่ฝนจะตกหนักที่สุด คือ 4 ส.ค. คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณฝน 80 มิลลิเมตร และมีปริมาณฝนสะสมมากกว่า 100 มิลลิเมตร

[embed]https://youtu.be/HniHjb5SqgI[/embed]

“ทำไมเราไม่เคยประเมินตัวเองว่า แต่ก่อนนี้มันเป็นพื้นที่อย่างนี้ มีต้นไม้ ป่า บ้าน แต่เราเปลี่ยนพื้นที่มาเป็นพื้นที่แข็งมากเลย คือ พื้นที่ถนน คอนกรีต อาคาร ถามว่า ‘มันเกิดอะไรขึ้น 30 ปีที่ผ่านมา?’ พบว่า ถ้าเราเอาแก้วมารองรับน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่เหล่านี้ ก็จะเห็นว่า เมื่อก่อนสามารถรับน้ำได้เต็มแก้ว สมมติว่า ฝนตกมา จ.สกลนคร อาจจะรับได้ครึ่งแก้ว แต่สภาพปัจจุบัน เหมือนใส่น้ำแข็งไปทีละก้อน คือ ถนนก้อนนึง ใส่ที่จอดรถ ใส่อาคารไป การพัฒนาไม่หยุดยั้งก็ใส่ไปอีก จากที่เคยใส่ครึ่งแก้ว มันก็ล้นแก้ว สิ่งเหล่านี้ไม่เคยประเมินกัน เพราะฉะนั้น ฝนตกลงมา เกิดน้ำหลากทันที แล้วไม่รู้ตัว” ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ

คาดเกิด “พายุ” ในมหาสมุทรแปซิฟิกอีกหลายลูก

ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ กล่าวว่า ในอนาคตประเทศไทย มีโอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักแบบครั้งนี้อีก และอาจจะมีพายุเข้ามาทำความเสียหายให้ประเทศได้ จากข้อมูลจำนวนพายุในมหาสมุทรแปซิฟิกใน 1 ปี จะมีพายุโซนร้อนเฉลี่ย 26 ลูก, พายุไต้ฝุ่นที่อ่อนกำลังลงจากพายุโซนร้อนเฉลี่ย 16 ลูก แต่ในปี 2560 มีพายุโซนร้อน 11 ลูก และพายุไต้ฝุ่น 2 ลูก หากคิดตามสถิติยังเหลือพายุอีก 10 ลูก ที่อาจจะเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกและอาจส่งผลกระทบกับประเทศไทย