ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบ ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา 14 คน ศึกษาการดำเนินงานของหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีผลสัมฤทธิ์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ กำหนดพิจารณาศึกษาภายในระยะเวลา 90 วัน
(30 เม.ย. 61) เวลา 10.00 น. ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 2 (ครั้งที่ 9) ประจำปี พ.ศ. 2561 โดยมีคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร
นายภาส ภาสสัทธา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญการศึกษาการดำเนินงานของหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การดำเนินงานของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีผลสัมฤทธิ์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ ซึ่งการบริหารงานของหอศิลป์ฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณของกรุงเทพมหานครปีละหลายสิบล้านบาทผ่านทางสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยสภากรุงเทพมหานครเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณในแต่ละปี ซึ่งการบริหารจัดการดังกล่าวขององค์กรภายนอกยังไม่มีความชัดเจนถึงการใช้จ่ายงบประมาณของหอศิลป์ฯ ว่าคุ่มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไร ทำให้สภากรุงเทพมหานครไม่อาจพิจารณาถึงปัจจัยอันจะนำไปสู่การให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณของหอศิลป์ฯ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์แท้จริง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเห็นว่าควรมีการศึกษาการดำเนินงานของหอศิลป์ฯให้เกิดผลสัมฤทธิ์แท้จริง ให้เกิดประสิทธิภาพ คุ้มค่า โปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างชัดเจน
พล.อ.โกจนาท จุณณะภาต สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการนำหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครไปใช้ประโยชน์ในทางอื่น ซึ่งกรุงเทพมหานครมหานครเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณและมีมูลนิธิหอศิลป์ฯเป็นผู้บริหารจัดการ โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหอศิลป์ฯ ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ต้องการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้สนับสนุนงบประมาณแก่หอศิลป์ และไม่เก็บค่าเข้าชมแต่อย่างใด ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วมูลนิธิหอศิลป์ฯจะต้องทำการบริหารจัดการใหม่ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ต้องรับการสนับสนุนงบประมาณจากกทม.ต่อไป
ด้านนายคำรณ โกมลศุภกิจ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจะได้รับเงินสนับสนุนจากกรุงเทพมหานครปีละประมาณ 40 ล้านบาท อย่างน้อย 3-4 โครงการ รวมค่าน้ำและค่าไฟ อีกทั้งยังมีการใช้เงินในงบประมาณนี้ส่วนหนึ่ง จ่ายเป็นค่าเดินทางให้กับหน่วยงานอื่น ซึ่งไม่ใช่หน่วยงานกรุงเทพมหานครกว่า 50% ซึ่งการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานภายนอกที่ไม่ใช่หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งตามมาตรา 96 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 ระบุว่า ในกรณีจําเป็นกรุงเทพมหานครอาจมอบให้เอกชนกระทํากิจการซึ่งอยู่ในอํานาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครและเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบริการหรือค่าตอบแทน ที่เกี่ยวข้องแทน กรุงเทพมหานครได้แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทยเสียก่อน ซึ่งตั้งแต่ปี 2554 ผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการตามนี้หรือไม่
ด้าน นายเชนทร์ วิพัฒน์บวรวงศ์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครตระหนักดีว่า เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีของประชาชน จึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อีกทั้งการทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เมื่อพิจารณาดูแล้วมีความไม่ชัดเจน และกฎหมายที่ใช้ในการบริการจัดการทรัพย์สินไม่สอดคล้องกับฉบับปัจจุบัน นอกจากนี้ตามข้อตกลงในข้อ 10 ระบุว่า ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามผู้ให้สิทธิ ผู้ให้สิทธิสามารถบอกเลิกสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และจะไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายชดเชยใดๆจากผู้ให้สิทธิทั้งสิ้น และในสัญญานี้ กรุงเทพมหานครไม่ได้มีสิทธิให้เงินสนับสนุนแต่อย่างใด ซึ่งมูลนิธิหอศิลป์ฯ ต้องดำเนิการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้เกิดรายได้ขึ้นเอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องศึกษาให้ครอบคลุมอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน
ทั้งนี้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบกับญัตติฯ ดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา จำนวน