อากาศกรุงเทพและปริมณฑลย่ำแย่หนัก ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน อยู่ในโซนอันตรายสีแดง-มีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่โซนสีส้ม-เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ก็คลุมพื้นที่หลายเขต ผู้ว่าฯ กทม.สั่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์
สภาพหมอกควันหนา ที่เกิดขึ้นช่วงเช้าวานนี้ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร หลังกรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th/webV2 ว่า ในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล มีปริมาณฝุ่นละอองในสภาพอากาศ หรือ PM2.5 อยู่ในระดับ 101-200 ซึ่งที่จะส่งผลต่อสุขภาพ
โดยเมื่อวานนี้ สามารถวัดได้สูงสุดที่ บริเวณ ถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน ถึง 201 (ตัวแดง)
ซึ่งปัจจัยส่งเสริมอีกประกาศคือ สภาพอากาศในช่วงเช้า ที่ อากาศยังคงลอยตัวไม่ดี สภาพอากาศปิด มีเมฆเป็นส่วนมาก และ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาหลายพื้นที่
สำหรับพื้นที่ริมถนน ที่สถานีวัดคุณภาพอากาศแสดงผลค่าฝุ่นละออง PM2.5 โดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีค่าเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) อยู่ 19 พื้นที่
ส่วนพื้นที่ทั่วไป (ห่างจากริมถนนสายหลัก) โดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีค่าเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) อยู่ 17 พื้นที่
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าคุณภาพอากาศในวันนี้ จะอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพต่อเนื่อง กรมควบคุมมลพิษ จึงได้ประสาน กทม.และ 5 จังหวัด ปริมณฑล ดำเนินมาตรการป้องกัน และ แก้ปัญหา PM 2.5 ด้วยลดสาเหตุการเกิดฝุ่น และฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดฝุ่นละออง รวมถึงจะมีการประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อทำฝนเทียมช่วยบรรเทาปัญหา
นายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม.ระบุ ผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งการตั้งคณะทำงานติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น ให้ทั้ง 50 เขตดำเนินการหาแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง พร้อมลงพื้นที่ล้างทำความสะอาดถนน ห้ามประชาชนเผาขยะหรือหญ้าแห้งในพื้นที่โล่ง ควบคุมการก่อสร้างต่างๆ ประสานตำรวจจราจรและขนส่งตรวจจับรถยนต์ควันดำ และห้ามติดเครื่องยนต์ขณะจอดรถ
ส่วนมาตรการระยะยาว จะเร่งหารือร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ ในการปรับปรุงคุณภาพรถยนต์ที่สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงเผาไหม้ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมกับพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยง เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้บริการแทนรถยนต์ส่วนบุคคล