"ผัวอุ้มเมียอัมพาตทิ้ง" สำนึกผิดลาบวชบ้านเกิด

จากกรณีที่พลเมืองดีแจ้งตำรวจ สน.ดอนเมือง ว่ามีชายนั่งรถเก๋ง ยี่ห้อมาสด้า รุ่นแอสทิน่า สีชมพู ทะเบียน ทว 1720 เชียงราย ได้นำหญิงอายุ 38 ปี ลักษณะเป็นอัมพาตครึ่งตัวมาทิ้งไว้บริเวณ ซ.เทิดราชัน 19 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.ไปตรวจสอบพบประชาชนกำลังให้การช่วยเหลือ สอบถามทราบชื่อ น.ส.ปริศนา (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ถูกนาย วิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี สามีนำมาทิ้งไว้ และขณะนี้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณา

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ ซ.เทิดราชัน 19 โดยสอบถามกับนางบุญโฮม ไชยกอง อายุ 58 ปีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ประมาณเที่ยงวันของวานนี้ ลูกสาวพบ น.ส.ปริศนา นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพบว่าร่างกายเป็นอัมพาต จึงอุ้มมาสอบถามทราบว่าถูกสามีนำมาทิ้งไว้ จึงแจ้งตำรวจ สน.ดอนเมืองมาตรวจสอบและรับตัวไป หลังจากนั้นไม่นาน สามีก็กับมาตามหาภรรยา ตนจึงบอกไปว่าถูกตำรวจนำตัวไปแล้ว

ขณะเดียวกัน นางสาว ใหม สุขศรี อดีตนายจ้างของ กล่าวว่า รู้จักกับ น.ส.ปริศนา ผู้เสียหายมาเกือบ 20 ปี เพราะเคยทำงานอยู่กับตน ภายหลังเกิดเส้นเลือดในสองแตกเป็นอัมพาต นายวิชัย สามีที่กำลังบวชเป็นพระ ก็สึกออกมากลางพรรษาเพื่อออกมาดูแลภรรยา ภายหลังตนได้ให้เงินเพื่อไปเช่าห้องแต่ทั้งสองก็ยัง ใช้รถยนต์เป็นบ้าน กินนอนในรถ โดยล่าสุด นายวิชัยโทรมาบอกกับตนว่าจะกลับไปบวชที่บ้านเกิดและทิ้งรถยนต์ให้ตนเอาไปขาย

ทางด้าน พ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดอนเมือง กล่าวว่าเบื้องต้น ทราบว่าทั้งสองคนนั้นทะเลาะกันในวันเกิดเหตุ โดยสามีได้นำภรรยาทิ้งไว้ข้างทาง หลังจากนั้นไม่นานก็ตามเดินทางมาตามหาภรรยาที่โรงพัก และได้ทิ้งรถยนต์ไว้ให้อดีตนายจ้างเพื่อนำไปขายและเดินทางกลับบ้านเกิดที่นครสวรรค์ โดยทราบว่าก่อนหน้านั้นสามีก็ได้ดูแลภรรยาตลอดเวลาตั้งแต่ล้มป่วย โดยสภาพสามีนั้นก็มีสภาพจิตใจไม่ปกติ ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพราะยังไม่ได้เข้าข่ายความผิดทอดทิ้งผู้พิการ ผู้เจ็บป่วยโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต