svasdssvasds

รวบหนุ่มแปดริ้วทิ้งอาวุธสงครามอื้อกลางไร่มัน ไม่เอี่ยวโยงการเมือง

รวบหนุ่มแปดริ้วทิ้งอาวุธสงครามอื้อกลางไร่มัน ไม่เอี่ยวโยงการเมือง

ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา แถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนจำนวนมาก หลังกลัวความผิด นำไปโยนทิ้งในพงหญ้าข้างบ่อน้ำ ก่อนเจ้าของที่จะมาเจอ จนสืบทราบขยายผลติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยทหารด้านความมั่นคงในพื้นที่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงผลการจับกุมผู้ครอบครองอาวุธปืนสงครามจำนวน 3 กระบอกพร้อมกระสุนปืน 964 นัด ที่แอบนำมาซุกซ่อนทิ้งไว้ริมบ่อเก็บน้ำกลางไร่มันสำปะหลัง ในพื้นที่ ม.5 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 24 พ.ย.61 ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า จากการสืบสวนหาเจ้าของอาวุธปืนสงครามที่ทำการตรวจยึดมาได้จนทราบว่า ผู้เป็นเจ้าของและนำเอามาแอบซุกซ่อนไว้นั้น คือ นายสมมาท เมืองแก้ว อายุ 42 ปี ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ห่างจากจุดที่นำท่อ พีวีซี บรรจุอาวุธปืนสงครามมาซุกไว้เพียงประมาณ 100 เมตร จึงได้ขอหมายจับจากศาล จ.ฉะเชิงเทรา และติดตามไปจับกุมตัวได้ยังที่บ้านเลขที่ 461 ม.4 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งนายสมมาท ได้ไปขับรถบรรทุกดินอยู่ในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ ก่อนที่จะทำการควบคุมตัวมาทำการตรวจค้นยังที่บ้านพักภายในสวนปาล์มใกล้ที่เกิดเหตุ จนพบอาวุธปืนเพิ่มเติมอีก ประกอบด้วย ปืนเล็กยาวบรรจุเอง แบบ 66 (ปืนเก่ายุคสงครามโลกครั้งที่ 1) จำนวน 1 กระบอก ปืนยาวบีบีกัน 1 กระบอก ดาบปลายปืน AK47 จำนวน 1 เล่ม กระสุนปืนขนาด 5.56 อีกจำนวน 33 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62*39 จำนวน 9 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62*51 (กระสุนยิงช้าง) จำนวน 25 นัด

[gallery columns="1" size="full" ids="390738,390739,390740,390741,390742"]

นายสมมาท ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้นำอาวุธปืน เอ็ม 16 ดัดแปลงแบบ M4A1 จำนวน 3 กระบอกพร้อมกระสุนปืนจำนวน 964 นัด ซองกระสุนจำนวน 4 ซอง ยัดใส่ท่อพีวีซีปิดหัวท้ายไปซุกซ่อนไว้เอง เนื่องจากเกรงกลัวเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักในช่วงที่กำลังมีการระดมกวาดล้างของเจ้าหน้าที่ โดยอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกนั้นเป็นของน้องชาย ที่ได้นำมาฝากให้เก็บไว้นานแล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อน และไม่ทราบว่าอาวุธปืนทั้งหมดนี้มีที่มาอย่างไร และยังไม่เคยนำไปใช้ในการก่อเหตุอะไรมาก่อน

พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพได้นำพาให้ไปชี้จุดที่ซุกซ่อนและจุดที่ทิ้งอาวุธปืนสงคราม พร้อมตั้งข้อกล่าวหาว่า “มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ใช้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม ให้ทำการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อาวุธปืนจำนวนดังกล่าว จะเกี่ยวข้องกับการเตรียมการนำมาใช้ในช่วงของการจัดการเลือกตั้งทางการเมือง ในปีหน้า 2562 หรือไม่ พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวตอบว่า อาวุธปืนจำนวนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางการเมือง โดยอาวุธปืนสงครามทั้ง 3 กระบอกนั้นสามารถใช้งานได้จริงเพียง 1 กระบอก ส่วนอีก 2 กระบอกนั้นอยู่ในสภาพชำรุดเนื่องจากการเก็บรักษาไม่ดีจึงทำให้กลไกเสียหาย ส่วนอาวุธปืนเล็กยาวบรรจุเอง แบบ 66 นั้นเป็นปืนเก่าที่ชำรุดแล้ว และไม่สามารถใช้งานได้เช่นเดียวกัน แต่ยังถือว่าเป็นอาวุธปืน ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ซื้อต่อมาจากผู้ติดยา ที่นำมาขายให้ในราคา 3,000 บาท ซึ่งอาวุธปืนทั้งหมดยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใดๆ ในพื้นที่ เพราะส่วนใหญ่เหตุที่เกิดในพื้นที่คนร้ายจะใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. และ 11 มม.เท่านั้น

หลังจากนี้จะได้ส่งของกลางทั้งหมดไปทำการตรวจสอบยังสรรพาวุธตำรวจ เพื่อหาแหล่งต้นตอที่มาของอาวุธปืน และตรวจสอบว่าเคยเกี่ยวข้องกับคดีใดมาก่อนหรือไม่ รวมถึงตรวจเก็บดีเอ็นเอไว้ ส่วนน้องชายของผู้ต้องหานั้นขณะนี้ขอสงวนนามไว้ก่อน และยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว โดยพบว่ามีประวัติเคยต้องคดีพยายามฆ่าและคดีเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล

related