เขื่อนระบายน้ำฝ่ายวังยางมหาสารคามออกประกาศแจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ให้งดการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง หลังจากเขื่อนระบายน้ำฝ่ายวังยางกำลังส่งสัญญานบริเวณท้ายเขื่อนเริ่มมีห็นสันทรายโผล่ ถือเป็นสัญญาณเริ่มเข้าสู่ภัยแล้ง ซึ่งปีนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เขื่อนระบายน้ำวังยาง โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนกลาง กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มส่งสัญญาณ โดยเฉพาะที่บริเวณท้ายเขื่อนระบายน้ำวังยาง เริ่มมีเห็นสันสทรายโผล่ให้เห็น ซึ่งถือเป็นสัญญาณเริ่มเข้าสู่ภัยแล้ง ซึ่งปีนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากหากเปรียบเทียบกับในเดือนตุลาคมของทุกปี ที่ฝายวังยางจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำไหลผ่านต่อวันเพียง 1 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณน้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำน้อย และฤดูฝนมาเร็วไปเร็ว
ปัจจุบันฝายวังยางมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ระดับ 137.13 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากระดับเก็บกักปกติ 137.28 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง คิดเป็นปริมาณความจุ 34.93 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 13.04 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 1.12 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เปิดประตูระบายน้ำ 3 บาน รวม 15 เซนติเมตร
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ได้ออกประกาศแจ้งไปยังเกษตรกรในพื้นที่ให้งดการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ประจำปี 2561/2562 เนื่องจากสถานการณ์น้ำต้นทุนคือเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 279.19 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำออกวันละ500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ไม่เพียงพ่อที่จะสนับสนุนเกษตรกรในการทำเกษตรกรรมทุกชนิด นอกเหนือจากการอุปโภค บริโภค การประปา และรักษาระบบนิเวศน์เท่านั้น พร้อมขอความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งที่ดูแลสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าขนาดเล็ก ไม่สนับสนุนการสูบน้ำจากลำน้ำชีเพื่อการเกษตรกรรม ขอให้เกษตรกรงดการสั่งเมล็ดพันธุ์พืช ข้าว ลูกกุ้ง ลูกปลามาเพาะเลี้ยง เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายเนื่องจากขาดแคลนน้ำ