ชลประทาน หลายจังหวัด เร่งช่วยประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และสำรวจพื้นที่ ที่เดือดร้อน ขณะที่ โคราช เร่งรวบรวมรายชื่อเกษตรกร เพื่อส่งให้ทางจังหวัดพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ง
บรรยากาศ นาข้าวทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ที่ ต.ละลมใหม่พัฒนา และ ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ นาข้าวเริ่มแห้งตาย พื้นดินแตกระแหงเพราะแล้งจัด ไม่มีฝนตก ทำให้น้ำที่ส่งมาในคลองชลประทาน ส่งไม่ถึงพื้นที่แห่งนี้ ล่าสุด ผู้นำท้องถิ่นประกาศให้เกษตรกรรีบขึ้นทะเบียนการเพราะปลูกให้เรียบร้อย เพราะกำลังเตรียมส่งเอกสารให้กับทางอำเภอโชคชัย เพื่อเสนอไปยังจังหวัดให้พิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้งฝนทิ้งช่วง จะได้นำงบฉุกเฉินมาเยียวยาช่วยเหลือ
ด้าน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ท่าอ่าง อ.โชคชัย ประสานขอสนับสนุน จาก ส.ส. เขต 9 และสำนักชลประทานที่ 8 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ให้สูบจากแม่น้ำมูล ขึ้นมาลงคลองชลประทาน แล้วต่อท่อปล่อยน้ำไปยังนาของเกษตรกร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกันว่า จะเก็บเงินจากกับเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ในอัตราไร่ละ 100 บาท เพื่อมาเป็นค่าน้ำมันที่จะสูบน้ำต่อไป หรือจะหางบประมาณจากที่ใดมาช่วยเหลืออีกทาง
ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ หนึ่งในชาวนา ในหมู่ที่ 7 ต.พระนอน อ.เมือง เปลี่ยนจากทำนา หันมาปลูกถั่วเขียว เพราะเห็นว่าเป็นพืชทางเลือกที่ใช้น้ำน้อย น่าจะสร้างรายได้ให้อีกช่องทางหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เพราะภัยแล้งทวีคูณความรุนแรงขึ้น ถั่งเขียวตายเสียหาย โดยจากการเปิดเผยของ นายสมมารถ รุ่งรัตน์ เกษตรกร บอกว่า ส่วนใหญ่จะทำนาปี พอสิ้นสุดฤดูกาลจึงปลูกถั่วเขียวสร้างรายได้ แต่เนื่องจากในขณะนี้ฝนทิ้งช่วงยาวนานทำให้ถั่วเขียวที่ปลูกไว้แคระแกรน ไม่เจริญเติบโต บางแปลงยืนต้นตาย สร้างความขาดทุนอย่างมาก ล่าสุดไถต้นถั่วทิ้งไปแล้ว 2 ครั้ง และจะเสี่ยงหว่านถั่วเขียวอีกครั้งหากมีฝนตกลงมา
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ที่ จ.นครพนม ระดับยังทรงตัว อยู่ที่ประมาณ 3 เมตร เริ่มส่งผลให้พื้นที่ ข้าวนาปี ที่พึ่ง เริ่มปักดำ ในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม ได้รับผลกระทบ แล้ว กว่า 50,000 ไร่
ล่าสุดชลประทานจังหวัด ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งกักเก็บน้ำ พร้อมสูบน้ำเข้าระบบชลประทาน เพื่อนำไปช่วยเหลือ พื้นที่นาข้าว ให้ได้รับความเสียหาย พร้อมแจ้งเตือนประชาชน ให้จัดหาแหล่งน้ำสำรอง และงดปลุกพืช นอกเขตชลประทาน จนกว่าปริมาณน้ำจะเพียงพอ
ส่วน แหล่งน้ำในพื้นที่ จ.สกลนคร อย่าง เขื่อนน้ำอูน เขื่อนน้ำพุง และหนองหาร มีปริมาณน้ำ 406 ล้านลบ.ม. จากความจุโดยรวม 952 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 42 น้อยกว่าปีที่มาถึงร้อยละ 39 สำหรับลำน้ำธรรมชาติ อย่างลำน้ำสงคราม ลำน้ำยาม ลำน้ำอูน ลำน้ำก่ำ ลำน้ำพุง ขณะนี้มีปริมาณน้ำต่ำกว่าตลิ่งทุกแห่ง คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุลำน้ำ ซึ่งน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ถึงร้อยละ 52
โดยเจ้าหน้าที่มีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อสู้กับภัยแล้ง โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือในบางพื้นที่ และสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนไม่มีน้ำอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร