'น้ำพุ' ช้างสีดอ บุกพังคอกชั่วคราวลูกช้างป่าห้วยขาแข้ง

27 กรกฎาคม​ 2563​ นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12(นครสวรรค์) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากนายรังสิต เหล่าพิมพา หัวหน้าชุดเฝ้าระวังช่วยเหลือลูกช้างประจำหอต้นผึ้ง เมื่อวันที่​ 24​ ก.ค.​63 เวลาประมาณ 04.00 น. - 05.00 น. มีช้างสีดอ ซึ่งเป็นช้างป่าตัวผู้ไม่มีงา 1 ตัว ชื่อ “น้ำพุ”เดินเข้ามาจากทางทิศใต้ของหอต้นผึ้ง แล้วเข้ามาเตะรั้วไม้ไผ่ เพื่อจะเข้าคอกลูกช้าง ทำให้ร้ัวไม้ไผ่ของคอกยุบไปบางส่วน และช้าง”น้ำพุ” พยายามจะเดินเข้าไปตรงบริเวณที่ลูกช้างอยู่ ช้างป่าและลูกช้างส่งเสียงตอบโต้กันหลายนาที จากนั้นช้างป่าตัวนั้น ได้เดินจากไป

เมื่อคืนวันที่ 25 กรกฎาคม 2563​ เมื่อเวลา 21.10 น. - 21.30 น. ช้างสีดอตัวเดิมเดินเข้ามาเหยียบคอกลูกช้างอีกครั้ง แต่ไม่เข้าไปในคอก โดยทีมเฝ้าระวังคอยเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างไม่คลาดสายตา เพื่อรอให้การช่วยเหลือลูกช้าง แต่สักพักช้างป่าตัวดังกล่าวก็เดินกลับเข้าป่าไปเอง โดยทีมเฝ้าระวังลูกช้าง สังเกตุเห็นอาการของลูกช้างมีอาการตกใจ กระวนกระวาย และหวาดกลัว วิ่งหลบบริเวณหลังต้นไม้ โดยไม่ส่งเสียงร้อง และไม่วิ่งออกจากคอก ทั้งที่คอกพัง มีทางให้ออกได้ จากนั้นทีมเฝ้าระวัง ได้รีบลงไปซ่อมแซมคอกลูกช้าง

ต่อมาเวลา 23:50 น. ช้างตัวเดิม ได้กลับมาเข้าใกล้คอก และได้เดินไปบริเวณเดิมที่ซ่อมแซมคอกลูกช้างไว้ และพังคอกเข้าไป ทีมเฝ้าระวังเห็นว่าช้างสีดอตัวนี้ เข้าใกล้ลูกช้างพลัดหลงมากเกินไป เกรงลูกช้างจะได้รับอันตราย จึงได้เปิดไฟและเดินลงจากหอไปผลักดัน ปรากฎว่าช้างสีดอ ยอมออกจากคอกและกลับเข้าป่าไป จากการสังเกตุพบว่าช้างสีดอมีอาการโมโห ได้หักกิ่งไม้ และส่งเสียงร้องขู่ ส่วนลูกช้างมีอาการกลัว​ และวิ่งหนี

และเมื่อเวลา 01.30 น. - 02.10 น. ช้างป่าตัวเดิมกลับมาอีกครั้ง และได้ส่งเสียงร้องขู่ โดยมุ่งตรงเข้ามายังคอกช้าง และเดินเข้าหาตัวลูกช้าง แต่ยังไม่ทันเข้าถึงตัวช้าง ทีมเฝ้าระวังได้รีบเดินไปผลักดันในขณะที่ช้างป่าเข้ามา พบว่าลูกช้างวิ่งหนีและหลบข้างต้นไม้อยู่ตลอดเวลา​ โดยในระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรเฝ้าดูแลลูกช้างจำนวน​ 3​ นาย คือ​ ชุดเจ้าหน้าที่จุดสกัดที่ 3 (ห้วยก้อย) ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จำนวน 2 นาย เเละเจ้าหน้าที่ของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จำนวน 1 นาย

ทั้งนี้ลูกช้างป่าห้วยขาแข้งปลอดภัย​ และยังมีเจ้าหน้าที่ดูแลและเฝ้าระวังตลอด​ 24​ ชั่วโมง

ที่มา : ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช