svasdssvasds

กรมชลฯ เผย “ลุ่มน้ำชี-น้ำมูล” ผ่านวิกฤตน้ำสูงสุดแล้ว

กรมชลฯ เผย “ลุ่มน้ำชี-น้ำมูล” ผ่านวิกฤตน้ำสูงสุดแล้ว

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน วิเคราะห์สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล ประจำวันที่ 14 ส.ค. พบว่า ขณะนี้ ได้ผ่านจุดวิกฤตน้ำขึ้นสูงสุดไปแล้ว

วันที่ 14 ส.ค. 60 -- สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี ขณะนี้ ปริมาณน้ำจากแม่น้ำชีตอนบนและลำน้ำพองที่ไหลมาบรรจบกับน้ำจากลำน้ำปาว “มีแนวโน้มลดลง” โดยมวลน้ำที่เคลื่อนตัวผ่านแม่น้ำชีตอนล่างวัดที่สถานีวัดน้ำ E.18 อ.ทุ่งเขาหลวง จ.ร้อยเอ็ด อยู่ที่ 1,124.20 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ล้นตลิ่ง 92 เซนติเมตร “แนวโน้มลดลง” และที่สถานีวัดน้ำ E.20A อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร วัดได้ 1,770 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สูงกว่าตลิ่ง 84 เซนติเมตร “มีแนวโน้มลดลง”

 

 

ขณะที่ สภาพน้ำในลุ่มน้ำมูล มีปริมาณน้ำสูงสุดไหลผ่านสถานี E.20A ประกอบกับปริมาณน้ำที่สถานี M.182 อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ วัดได้ 988 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 1 เมตร 75 เซนติเมตร “มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น” โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะมีผลต่อเนื่องไปยัง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ M.7 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,924 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จากความจุลำน้ำ 2,300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับสูงกว่าตลิ่ง 1 เมตร 4 เซนติเมตร “แนวโน้มทรงตัว”

ด้าน ผลการจัดจราจรน้ำในลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล พบว่า ปริมาณน้ำสูงสุดที่สถานี E.20A ได้ผ่านไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 ส.ค. และที่สถานี M.7 ช่วงเวลาที่น้ำสูงสุดจากแม่น้ำชีได้ผ่านไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ส.ค. และปัจจุบัน “มีแนวโน้มทรงตัว” โดยทางกรมชลประทานได้มอบหมายให้สำนักงานและโครงการชลประทานในพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินเครื่องจักร เครื่องมือต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

 

related