โรคหัดระบาดหนักในยะลา ป่วยกว่า 300 คน ตายแล้ว 5 คน

 สถานการณ์โรคหัดกำลังระบาดหนักใน จ.ยะลา โดยเฉพาะ ช่วงวันที่ 1 กันยายน ถึง 9 ตุลาคมที่ผ่านมาพบผู้ป่วยแล้ว 341 คน มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนกระจายทุกอำเภอ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน คือ ที่ อ.กรงปินัง 3 คน อ.บันนังสตา 1 คน และ อ.ธารโต 1 คน

 โดยโรงพยาบาลกรงปินัง เป็นสถานพยาบาลที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด และเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก จึงต้องเร่งจำกัดพื้นที่สำหรับผู้ป่วยโรคนี้โดยเฉพาะ ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ระดมกำลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโรคหัดในเด็กที่มีอายุระหว่าง 9 เดือน ถึง 5 ปี ตามหมู่บ้านต่างๆ ให้ได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ยังมีความเชื่อของผู้ปกครองบางคน ไม่นำบุตรหลานไปฉีดวัคซีน เนื่องจากยังมีความเข้าใจว่าวัคซีนมีสิ่งเจือปนของสารที่ไม่ฮาลาลตามหลักศาสนา ทำให้การแพร่กระจายของเชื้อโรคหัด แพร่กระจายลุกลามไปได้อย่างรวดเร็ว

นายแพทย์ อีรฟาน หะยีอีแต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรงปินัง เปิดเผยว่า ในพื้นที่ยังมีการระบาดของโรคหัด พร้อมชี้แจงว่าวัคซีนดังกล่าว ไม่มีสิ่งเจอปนของสารที่ไม่ฮาลาลตามหลักศาสนา ซึ่งสำนักจุฬาราชมนตรี ได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้ว แต่เป็นเรื่องที่ชาวมุสลิมพึงกระทำ เรียกว่า เวชศาสตร์ป้องกัน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีงามต่อไป

 ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมสถานการณ์โรคหัดขึ้นในระดับจังหวัด โดยมีนายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม สาธารณสุขจังหวัดยะลา เป็นผู้บัญชาการระดับจังหวัด และให้สาธารณสุขอำเภอต่างๆ เป็นผู้บัญชาการศูนย์ในระดับอำเภอ โดยใช้มาตรการ 3 - 2 - 3 ในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดให้อยู่หมัด คือ "หาให้ทัน ฉีดให้ครบ" ด้วยการระดมกำลังบุคลากรลงพื้นที่ฉีดวัคซีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องรายงานให้ศูนย์ทราบภายใน 3 ชั่วโมงแบบวันต่อวัน เพื่อลงสอบสวนโรค หาผู้สัมผัสโรคภายใน 2 วัน และดำเนินการฉีดวัคซีนผู้สัมผัสโรคให้ได้ภายใน 3 วัน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ป่วยโรคหัด ช่วงวันที่ 1 - 29 กันยายนที่ผ่านมาทั้งประเทศ พบผู้ป่วย 2,149 คน จังหวัดที่มีผู้ป่วย สูงสุด 5 อันดับแรก คือ จ.ยะลา รองลงมา คือ จ.ประจวบคีรีขันธ์ , สมุทรสาคร , เชียงใหม่ และ อำนาจเจริญ