รวบ 1 ผู้ต้องสงสัย ยิง 3 อส.เทพา

ความคืบหน้าเหตุยิงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต รวม 3 ราย ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลาดน้ำท่าหยี ใน ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อ วันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนายบูคอรี หลำโซ๊ะ

 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังเร่งติดตามผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ โดยกำหนดตัวบุคคลต้องสงสัยที่อาจมีส่วนก่อเหตุไว้ 4 ราย และ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว1 ราย คือ นายดลรอแม (สงวนนามสกุล) ชาว ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ควบคุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 2/4 หมู5 ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา และขณะนี้ได้ถูกส่งตัวไปยังหน่วยซักถามหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 43 แล้ว

 ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการก่อเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ว่า เป็นเพราะ กลุ่มบีอาร์เอ็น ในส่วนคุมกองกำลัง ยังไม่ยอมเข้ามาร่วมพูดคุยกับคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งที่ผ่านมา ทางประเทศมาเลเซีย ในฐานะ ผู้อำนวยความสะดวก ได้ติดต่อไปยังบีอาร์เอ็นแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่ยอมมาร่วมพูดคุย ซึ่งไม่ทราบว่ามีข้อติดใจอะไร ดังนั้นต้องรอให้ทางการมาเลเซียไปพูดคุยให้เรียบร้อยก่อน

 และยังมีความเห็นจาก นายตายูดิน อุสมาน อาจารย์คณะ มนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ที่มองว่าในช่วงนี้เกิดเหตุร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายจากเดิมที่เป็นทหาร ตำรวจ ไปก่อเหตุกับอาสาสมัครรักษาดินแดนหรือนักรบภาคประชาชน ซึ่งเป็นพนักงานของรัฐสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเป็นตัวแทนของประชาชนที่มาดูแลความปลอดภัยในบ้านเมือง

 ซึ่งการก่อเหตุในลักษณะนี้ อาจเป็นการเรียกร้องความสนใจ หรือเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าภาคใต้ยังมีกลุ่มขบวนการที่ยังไม่เห็นด้วยกับภาครัฐ เพราะการยิงอาสาสมัครในพื้นที่ ถือว่าเป็นการสร้างความกดดันและความหวาดกลัว ทำให้ประชาชนไม่เชื่อใจการดูแลความปลอดภัยของภาครัฐ และไม่กล้าให้ข้อมูล ข่าวสาร ให้กับเจ้าหน้าที่อีกต่อไป

 ขณะที่ พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า บอกว่า การก่อเหตุในลักษณะนี้ เพราะกลุ่มอาสาสมัครเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ง่ายกว่า ทหาร ตำรวจ และยังเป็นการดิสเครดิตภาคประชาชนที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือราชการ เกิดความเกรงกลัวด้วย