อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุ พายุโซนร้อนปาบึก เป็นพายุที่ผิดปกติ มีอานุภาพเทียบเท่าพายุแฮเรียตเมื่อปี 2505 ที่เคยพัดเข้าแหลม "ตะลุมพุก" ทำลายชีวิตผู้คนไปเกือบหนึ่งพันราย และสูญหายอีกว่า 142 คน
นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อธิบายถึงความรุนแรงของพายุปาบึกที่จะเคลื่อนลงสู่อ่าวไทยในวันนี้ ว่า พายุดังกล่าวเป็นพายุโซนร้อนลูกแรกในรอบกว่า 30 ปี ที่พัดเข้าอ่าวไทยในช่วงเดือนมกราคมและถือเป็นเรื่องผิดปกติ ซึ่งความแรงของพายุลูกนี้เทียบเท่าพายุโซนร้อนแฮเรียตเมื่อปี 2505 ที่เคยพัดเข้าแหลมตะลุมพุก แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุฯ มีระบบการเตือนภัยที่ทันสมัยและรวดเร็วกว่าอดีตที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามสถานการณ์เป็นรายชั่วโมงว่าพายุปาบึก จะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันเมื่อขึ้นฝั่งหรือไม่ แต่ภาพรวมยังคงทำให้เกิดฝนตกหนัก และอาจเกิดน้ำท่วมในวงกว้างได้
ล่าสุด ! กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนฉบับ ที่ 10 "พายุ “ปาบึก” (PABUK)" ระบุว่า เมื่อเวลา 22.00 น. ที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 6.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 107.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทยในช่วงวันที่ 2-3 มกราคม 2562
และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี ในช่วงค่ำของวันที่ 4 มกราคม 2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2562 ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ โดยมีผลกระทบดังนี้
ในช่วงวันที่ 3-4 มกราคม 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
ในช่วงวันที่ 4-5 มกราคม 2562 บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง
ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งตั้งแต่วันที่ 2-5 มกราคม 2562
อย่างไรก็ตาม หากย้อนเหตุการณ์พายุแฮเรียตพัดถล่ม ที่เกิดขึ้นในปี 2505 เริ่มก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเป็นพายุดีเปรสชั่น ในทะเลจีนใต้ตอนล่างนอกชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนใต้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2505 จากนั้นค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเข้ามาในอ่าวไทย และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนนอกชายฝั่ง จ.สงขลา จากนั้นได้เปลี่ยนทิศทางตรงมายัง จ.นครศรีธรรมราช โดยเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยในตอนค่ำของวันที่ 25 ต.ค.2505 ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยความเร็วลมสูงสุดวัดที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราชได้ 95 กม.ต่อชั่วโมง หลังจากนั้นพายุอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น เคลื่อนผ่านจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และพังงา ลงสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 26 ต.ค.2505 ก่อนจะสลายตัวไปในอ่าวเบงกอลใกล้กับบังกลาเทศในวันที่ 30 ต.ค.2505 พายุโซนร้อนแฮเรียตได้ก่อความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย มีความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากพายุแฮเรียตในครั้งนั้น คือ พายุโซนร้อน แฮเรียด กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่มีผู้คนอยู่อาศัยราว 4 พันคนจนหมดสิ้น เหลือบ้านที่รอดจากการทำลายเพียง 5 หลัง ด้วยคลื่นสูงกว่า 3 เมตร พายุยังมีขอบเขตการทำลายไปถึงบริเวณใกล้เคียง บ้านเรือนอีกกว่าร้อยละ 30 ถูกทำลายลงโดยรอบ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ราย สูญหาย 142 ราย บาดเจ็บ 252 ราย ไร้ที่อยู่อาศัยนับหมื่นราย