svasdssvasds

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

ทีมสัตวแพทย์​ เฝ้าดูแล "มาเรียม" อย่างใกล้ชิด​ คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้

เมื่อวันที่​ 4​ มิ.ย.62​ นายจตุพร​ บุรุษพัฒน์​ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง​ เปิดเผยหลังจากลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดเฝ้าระวังและอนุบาลลูกพะยูนเกยตื้นชั่วคราวว่า​ ได้รับการรายงานถึงสถานการณ์ของลูกพะยูน​ หรือเจ้ามาเรียม​จากน.ส.พัชราภรณ์​ แก้วโม่ง​ นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ​ สังกัดศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน​ จ.ภูเก็ต​ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง​ (ทช.)​ หัวหน้าทีมสัตวแพทย์ที่เฝ้าดูแล​ลูกพะยูนตัวดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่า​ ขณะนี้เจ้ามาเรียมมีสุขภาพแข็งแรงดี​ ความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในระดับที่ผอม​ โดยทีมสัตวแพทย์ได้ให้นมและสารอาหารที่ทดแทนอย่างเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของเจ้ามาเรียม​ ส่วนอาการอื่นๆ​ ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด​ ทั้งนี้ทีมสัตวแพทย์ยังคงต้องติดตามเฝ้าระวังและดูแลในเรื่องของโภชนาการหลักอย่างใกล้ชิด​ โดยเจ้ามาเรียมสามารถตอบสนองการกินนมและหญ้าทะเลได้เป็นอย่างดี​ ปัจจุบันทีมสัตวแพทย์จะให้นมประมาณ​ 1-2​ ลิตร/วัน​ พร้อมกับให้วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ​ ที่สำคัญ โดยการให้นมนั้นจะให้ไปเรื่อยๆ​ ตามความต้องการในแต่ละวัน​ เปรียบเสมือนการเลี้ยงดูแบบธรรมชาติที่ลูกพะยูนจะต้องกินนมแม่ได้ทั้งวัน​ นอกจากนี้ทีมสัตวแพทย์ได้พาเจ้ามาเรียมว่ายน้ำ​เพื่อให้ลำไส้มีการขยับตัวเพื่อลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อเหมือนเด็กทารก​ และที่สำคัญเป็นการออกกำลังกายและลดความเครียดให้กับเจ้ามาเรียมได้เช่นกัน ทั้งนี้​ คาดว่าประมาณ​ 6​ เดือน​ ถ้าเจ้ามาเรียมมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง​ สามารถหาอาหารกินเองได้ตามธรรมชาติ​ ​ทางกรม​ ทช.​ ก็จะปล่อยเจ้ามาเรียมกลับคืนสู่ท้องทะเลต่อไป

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

นายจตุพร​ กล่าวว่า​ สำหรับชื่อของลูกพะยูน​เพศเมียตัวดังกล่าวนี้มีชื่อว่า "มาเรียม" ซึ่งตามหลักศาสนาอิสลามที่ชาวบ้านเกาะลิบงช่วยกันตั้งชื่อนี้​มีความหมายว่า "ผู้หญิงที่มีจิตใจงดงาม" เปรียบเสมือนความรัก​ ความหวงแหน​ และความผูกพันที่ชาวบ้านเกาะลิบงมีต่อพะยูนซึ่งเป็นสัตว์สงวนประจำท้องถิ่นของจังหวัดตรัง

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

สำหรับลักษณะโดยทั่วไป​ พะยูนเป็นสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม รูปร่างของพะยูนเป็นทรงกรวยคล้ายโลมา บ้างก็ว่าคล้ายวัวมากที่สุดเพราะมันกินหญ้าทะเลเป็นอาหาร รูปร่างหน้าตาของพะยูนนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเพราะส่วนหัวมีลักษณะคล้ายวัว คนส่วนใหญ่จึงเรียกมันว่า วัวทะเล แต่ส่วนลำตัวนั้นกลับมีความคล้ายคลึงกับปลา ผิวหนังหนา มีสีต่างๆ เช่น สีเทา สีนํ้าตาล และบางตัวก็มีสีนํ้าตาลอมชมพู ตลอดลำตัวของมันมีขนเล็กๆ​ ขึ้นอยู่โดยทั่วไปของร่างกาย และขนแข็งๆ​ ของมันจะอยู่ที่บริเวณปากและสองแก้มของมัน มีตาและหูเล็กๆ​ อย่างละคู่ ไม่มีใบหู มีกรีบด้านหน้าหนึ่งคู่คล้ายแมวนํ้า มีติ่งนมเล็กอยู่ใต้ลำตัวตรงแนวใต้กรีบทั้งสองข้าง ภายในกรีบหน้าทั้งสองข้างประกอบด้วยกระดูกข้อนิ้วข้างละห้านิ้วคล้ายกับกระดูกมือของมนุษย์ ตรงส่วนหางนั้นมีหางเป็นแฉกคล้ายปลาวาฬเพื่อใช้ในการเปลี่ยนทิศทางและในการว่ายนํ้าของมัน พะยูนมีโครงสร้างร่างกายในลักษณะลำตัวตันมีชิ้นเนื้อ กระดูก และไขมันรวมทั้งผิวหนังที่หนา ไม่มีเกล็ด ไม่มีส่วนใดของร่างกายของพะยูนที่จะเป็นอาวุธในการป้องกันตนเองและเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันว่ายนํ้าด้วยความเร็วที่ 1.8-2.2 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่ช้ามากหากเปรียบเทียบกับสัตว์ทะเลประเภทอื่นๆ

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

นายจตุพร​ กล่าวต่อว่า กรมฯ​ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เข้ามาดูแลและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด​ 24​ ชั่วโมง​ ทั้งจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ที่ให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ​ อีกทั้งภาคประชาชน​ และจิตอาสาจากชุมชนเกาะลิบง​ จ.ตรัง​ ในการเอื้อเฟื้อสถานที่อนุบาลเจ้ามาเรียม​ พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับทีมสัตวแพยท์และเจ้าหน้าที่​ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ในด้านการป้องกันแนวเขต​ อีกทั้งการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน​ให้อยู่คู่ท้องทะเลจังหวัดตรังสืบไป

คาดอีก​ 6​ เดือนปล่อย "มาเรียม" ลูกพะยูน​คืนธรรมชาติ

นอกจากนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กิจกรรมทางทะเล​การสัญจรทางเรือ และเครื่องมือประมง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อพะยูนได้ เช่น หากมันว่ายน้ำออกไปนอกแนวเขต ก็อาจถูกเรือชน หรือถูกใบพัดเรือ รวมทั้งอาจไปติดเครื่องมือประมงบางชนิด หรือว่ายน้ำเผลอเข้าไปเกยตื้น​ ฉะนั้น จึงขอเน้นย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามกติกาที่พึงมีอย่างเคร่งครัด​ ดังนี้ 1. ห้ามลงน้ำ/ดำน้ำกับพะยูน 2. ห้ามขับเรือไล่ ต้องดับเครื่องเมื่อเข้าใกล้ 3. เมื่อพะยูนแสดงให้เห็นว่าถูกรบกวนพฤติกรรม ต้องยุติกิจกรรมทั้งปวง 4. เรือทุกลำต้องลงทะเบียน เพื่อสามารถจัดการดูแลได้ 5. ควรมีคณะทำงานร่วมกัน เพื่อกำหนดกติกา/จำนวนเรือในพื้นที่ ตลอดจนปรึกษาหารือเรื่องอื่นๆ ร่วมกัน 6. ควรต้องมีการศึกษาเรื่องการท่องเที่ยวชมพะยูนเป็นการเร่งด่วน​ และ​ 7.​ ไม่ทิ้งขยะลงในท้องทะเล​ เพราะขยะพลาสติกเหล่านี้อาจจะสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงต่อสัตว์ทะเลหายาก​ ระบบนิเวศทั้งทางบกและทางทะเล​ หรือทำลายทัศนียภาพอันงดงามของเกาะลิบง​อีกด้วย  "นายจตุพร​ กล่าวทิ้งท้าย"

related