ทีมสัตวแพทย์ เตรียมแผนช่วย “มาเรียม” หนีมรสุม

“มาเรียม” ลูกพะยูนกำพร้า ยังอยู่ในความดูแลของทีมสัตว์แพทย์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกลุ่มพิทักษ์ดุหยง อย่างใกล้ชิดโดยมีการตรวจสุขภาพ ,ป้อนนม รวมทั้ง ป้อนหญ้าทะเลสดให้

แต่ละวัน “มาเรียม” จะว่ายน้ำตาม“เรือแม่ส้ม” ไปกินหญ้าทะเล วันละ 2 รอบๆ ละประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อฝึกการกินหญ้าทะเลด้วยตัวเอง ..

ทีมสัตวแพทย์ พบว่า ตอนนี้ “มาเรียม” น้ำหนักกว่า 29 กิโลกรัม ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เมื่อเทียบกับอายุ จึงเตรียมเพิ่มปริมาณนมและหญ้าทะเลให้มากขึ้น จากเดิมให้อาหารตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น. เป็นเวลา 07.00 – 21.00 น. รวมทั้งให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น

ด้าน นายเมธี มีชัย ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ร่วมกับนายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง

ประกอบด้วย ทีมสัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้ง เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และกลุ่มพิทักษ์ดุหยง เพื่อวางแผนการอนุบาลและเฝ้าติดตามภัยคุกคามลูกพะยูนในช่วงมรสุม บริเวณเขาบาตู อ่าวดุหยง หมู่ 4 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง

โดยจะจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง การวางทุ่นกำหนดพื้นที่คุ้มครองแนวเขตอนุบาล “มาเรียม” เป็นการเฉพาะ โดยจะสั่งห้ามไม่ให้มีกิจกรรมใดๆ และห้ามเรือทุกชนิดเข้าไปบริเวณดังกล่าว รวมทั้ง การให้ทั้ง 2 กรมฯ และสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งทีมสัตว์แพทย์เข้าไปเพิ่ม เพื่อสับเปลี่ยนกันทำงานวันละ 2 ผลัด ในช่วงเช้า และช่วงบ่าย เพื่อเพิ่มเวลาการให้นมและหญ้าทะเล

สำหรับแผนการอนุบาล “พะยูนน้อย มาเรียม”และการเตรียมรับมือในช่วงมรสุมและคลื่นลมแรง มีทั้งหมด 3 วิธี คือ การทำกระชังลอยน้ำให้อยู่ในธรรมชาติ การทำบ่อเคลื่อนที่หรือแอ่งน้ำชั่วคราวไว้ป้องกันการถูกคลื่นซัด และหากมีมรสุมหนักจะเคลื่อนย้าย “มาเรียม” ไปอนุบาลที่ห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ต่อไป