เหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห์ก็จะถึงวันพิพากษาคดีเสือดำ ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิกำหนดไว้วันที่ 19 มี.ค. กับคดีที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร โดยมีซากเสือดำที่ถูกชำแหละและถลกหนังเป็นของกลาง
ในช่วงแรกหลังจากการจับกุมตัวและสอบปากคำเสร็จสิ้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำสำนวนคดีทั้งหมดส่งมอบให้กับ นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 เพื่อดำเนินการพิจารณาก่อนมีคำสั่งส่งฟ้องศาลหรือไม่ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหากับ นายเปรมชัย เอาไว้ถึง 10 ข้อหาด้วยกัน แต่ไม่สั่งฟ้องในข้อหามีอาวุธปืน จนเมื่อพิจารณาเสร็จสิ้น อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งฟ้อง นายเปรมชัย ทั้งหมด 6 ข้อหา คือ
1. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
5. ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นฯ ซากสัตว์ป่า
6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้อง คือ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับการล่าสัตว์ป่า ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันกระทำการทารุณสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร
และด้วยความที่คดีนี้เป็นคดีที่สังคมกำลังจับตามอง ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาทันทีหลังมีการเปิดข้อหาสั่งฟ้อง นายเปรมชัย ว่ามีเหตุผลอะไรในการยกฟ้องข้อหาดังกล่าว จน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ต้องออกโรงชี้แจงถึงเหตุผลที่อัยการไม่สั่งฟ้อง 5 ข้อหา โดยไล่เรียงทีละข้อหาให้เข้าใจอย่างกระจ่างทันที เริ่มที่
สั่งไม่ฟ้องเพราะ ข้อหานี้ นายเปรมชัยได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนทั้ง 3 กระบอกตามกฎหมาย เมื่อคุณเปรมชัย ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าว ก็ไม่เป็นความผิดทางกฎหมาย ตามที่ตำรวจเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้องมา
สั่งไม่ฟ้องเพราะ เขาได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือ หัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ ให้สามารถเข้าไปได้ ข้อหานี้ตามกฎหมายแล้วกำหนดเป็นความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ เพียงแต่มีโทษทางปกครองคือให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ก็คือหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีอำนาจทางการปกครองในการที่จะสั่งให้ออกจากสถานที่นั้น
ทั้ง 2 ข้อหานี้มีลักษณะอย่างเดียวกัน คือมีบทกฎหมายความผิด แต่ไม่ได้กำหนดโทษไว้ อย่างเช่น จำคุก ปรับ กักขัง หรือยึดทรัพย์สิน ไม่มีกำหนดโทษไว้
สั่งไม่ฟ้องเพราะ ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงแต่ว่า ผู้ต้องหาที่ 4 (ธานี ทุมมาศ) เป็นคนพยายามล่าสัตว์ป่า และขณะที่ ผู้ต้องหาที่ 4 พยายามยิงสัตว์นั้น นายเปรมชัย นายยง และนายนที ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ขณะนั้นอยู่กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า แต่ในความผิดล่าสัตว์ป่ามีการสั่งฟ้อง นายเปรมชัย แล้ว
สั่งไม่ฟ้องเพราะ ตาม พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 มาตรา 3 กำหนดว่าในพระราชบัญญัตินี้ “สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าขณะที่ นายเปรมชัยฯ กับพวกกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่ได้มีการออกประกาศกำหนดว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติชนิดใดบ้างเป็นสัตว์ตามความในมาตรา 3 ดังนั้นแม้เสือดำจะเป็นสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติ แต่เมื่อรัฐมนตรียังไม่ได้ประกาศกำหนดการกระทำของ นายเปรมชัยกับพวก จึงไม่เข้าองค์ประกอบของความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ข้อหานี้ตำรวจเสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องมา
ถึงแม้ว่าเหตุผลจะฟังดูเข้าท่า แต่ 1 ชีวิตของเสือดำที่เหลืออีกเพียงไม่กี่พันตัวในโลก มีค่ามากมายกับจิตใจของคนในสังคม และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน คดีนี้ก็ยังเป็นที่จับตาของทุกคน รวมไปถึงชาวต่างชาติ แต่เชื่อว่าวันที่ 19 มีนาคมนี้ เราทุกคนคงจะได้รู้คำตอบพร้อมๆ กัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นับถอยหลังวันพิพากษา “คดีเสือดำ” เปิด 6 ข้อหา “เปรมชัย กรรณสูต”
“หัวหน้าวิเชียร” บุรุษผู้พิทักษ์ป่า สู่การนับถอยหลังวันพิพากษา “คดีเสือดำ”
นับถอยหลัง “คดีเสือดำ” ความเชื่อ-ของขลัง ที่ต้องแลกมาด้วยความตาย!
นับถอยหลังพิพากษา “คดีเสือดำ” กราฟฟิตี้กระแทกใจ สะท้อนจิตสำนึกมนุษย์