ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีของไทยถูกจับตามองด้วยสื่อต่างชาติทั่วโลก ไปติดตามกันว่าสื่อแต่ละสำนักพาดหัวข่าวจากออกมาในรูปแบบใดบ้าง
สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษพาดหัวข่าวว่า การเลือกตั้งไทย พรรคที่ให้การสนบสนุนทหารกำลังมีคะแนนนำ ซึ่งเป็นการนำที่พลิกความคาดหมาย และคาดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคแกนนำก่อตั้งรัฐบาล
ขณะที่สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯ ก็รายงานข่าวพาดหัวทำนองคล้ายกัน คือพรรคที่ได้รับการสนับสนุนโดยทหาร กำลังได้คะแนนนำในการเลือกตั้งหลังรัฐประหารของไทย และคาดว่าน่าจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการต่อรองระหว่างพรรคการเมืองก่อนที่จะได้มีการจัดตั้งรัฐบาลในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน
สำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์ ระบุว่าการเลือกตั้งของไทยยิ่งทำให้ประเทศแบ่งแยกมากกว่าเดิม คาดว่าพลเอกประยุทธ จันทร์โอชาจะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และการเลือกตั้งครั้งนี้ นับได้ว่าเหมือนเป็นประชามติเพื่อหยั่งเสียงว่าประชาชนยอมรับรัฐบาลทหารหรือไม่
สำนักข่าวนิเคอีเอเชียนรีวิว พาดหัวข่าวว่า ประเทศไทยชะลอการประกาศผลเลือกตั้ง ผู้ชนะยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร แม้ว่าจะมีหรือไม่มีพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาล ก็น่าจะมีสภานิติบัญญัติเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี แต่อาจไม่สามารถเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภา
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ระบุว่าการเลือกตั้งของไทย พรรคที่สนับสนุนโดยกองทัพมีคะแนนนำ ในการเลือกตั้งที่กลับหัวกลับหาง พรรคพลังประชารัฐมีคะแนนนำอย่างน่าประหลาดใจในการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำให้สถานะของกองทัพ เป็นพลังการเมืองที่ครอบงำประเทศนิวยอร์กไทม์สรายงานว่าที่ผ่านมา ไทยมีรัฐประหารมาแล้วสิบกว่าครั้งและปกครองโดยทหารมาตั้งแต่ปี 2014 แม้พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เขตมากที่สุด แต่ก็จะเผชิญอุปสรรคมากในการตั้งรัฐบาล นอกจากนี้ยังอ้างนักวิเคราะห์ระบุว่า สำหรับไทยการเลือกตั้งเหมือนเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูความเคารพและความน่าเชื่อถือกลับมาสู่ไทย ซึ่งมองว่าตนเองเป็นหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยเก่าแก่ของเอเชีย การเลือกตั้งไม่ได้สำคัญแค่สำหรับไทย แต่สำหรับการมีความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯด้วยที่ไทยต้องรักษาสมดุล
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่าพรรคของกองทัพที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ น่าจะได้ครองอำนาจต่อ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลผสมนี้อาจไม่แข็งแรงและบริหารจัดการได้ยาก ทำให้การผ่านกฎหมายต่างๆ ในสภาล่าง ก็ทำได้ยากด้วย พลเอกประยุทธ์ต้องพึ่งพาพรรคเล็กน้อยต่างๆ มากๆ เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ ในขณะที่พรรคฝั่งตรงข้ามอย่างเพื่อไทย และอนาคตใหม่จะรวมตัวกันเป็นฝ่ายค้านได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งโครงการต่างๆของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท จะถูกซักฟอกในแง่ของความชอบธรรมมากกว่าด้วย และพรรคเพื่อไทยกับอนาคตใหม่จะต่อต้านอย่างหนัก จึงทำให้การผ่านกฎหมายนั้นไม่ง่ายและพลเอกประยุทธ์อาจรับแรงกดดันไม่ไหว ซึ่งชัยชนะของพรรคที่ทหารสนับสนุนถือเป็นพัฒนาการที่ยิ่งใหญ่สำหรับกลุ่มคนอีลีทหรือชนชั้นนำของสังคมไทย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่ต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร และพันธมิตรเข้ามาครอบครองการเมืองไทย