svasdssvasds

ข้าพระบาท ทาสประชาชน : นายกฯและ คสช.ควรสืบทอดอำนาจ หรือหาทางลงอย่างสง่างาม(จบ)

ข้าพระบาท ทาสประชาชน : นายกฯและ คสช.ควรสืบทอดอำนาจ หรือหาทางลงอย่างสง่างาม(จบ)

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

คสช.ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ด้วยการใช้กำลังทหารทำการรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัวแทนของ "ระบอบทักษิณ" เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช. ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 หากรวมเวลานับตั้งแต่วันที่ คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครอง และจัดตั้งรัฐบาลเพื่อปกครองและบริหารประเทศ ถึงเวลาปัจจุบันก็เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน 20 วัน

เหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.ต้องตัดสินใจเข้ายึดอำนาจ ณ สถานการณ์การบ้านเมืองขณะนั้น เป็นที่ยอมรับและเข้าใจได้ด้วยดีของพี่น้องประชาชนไทย ทุกคนเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็นดังที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงในตอน (1) (อ่าน...นายกฯและคสช.ควรสืบทอดอำนาจ หรือควรหาทางลงที่สง่างาม (1) )

การตัดสินใจเข้าทำการของคณะ คสช.ในวันนั้น ไม่มีใครรังเกียจหรือตั้งข้อสงสัย ประชาชนไทยล้วนอยู่ในความสงบ และต่างให้ความร่วมมือ สบับสนุน คสช.ให้เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์เพื่อคืนความสงบสุขแก่บ้านเมือง และในช่วงเวลาที่อยู่ในอำนาจ หากสามารถทำการปฏิรูปประเทศในแต่ละด้าน ซึ่งล้วนแต่มีปัญหาในขณะนั้นได้ ประชาชนทั้งหลายก็คงยกมือโมทนาสาธุ เรียกว่ายกมือเชียร์ทั้งสิ้น

ซึ่งประชาชนโดยส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า คสช.คงอยู่ในอำนาจสัก 2-3 ปี เป็นอย่างมาก แล้วคงคืนอำนาจแก่ประชาชน คืนระบอบประชาธิปไตย ให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ตามโรดแมปที่รัฐบาลพยายามประกาศสื่อสารกับประชาชน แม้ว่าในประเทศจะมีสถานการณ์พิเศษ อันเนื่องจากการสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 เกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการงานราชพิธีต่างๆ

ระหว่างนั้น ทุกคนก็คาดหวังว่า คสช.และรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ น่าจะอยู่ในอำนาจไม่เกิน 4 ปี สูงสุดตามวาระของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

การยึดอำนาจและการดำรงอยู่ในอำนาจการปกครองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงช่วงเวลาในปัจจุบัน จึงอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เป็นเวลาแห่งทางสองแพร่งที่ท่านต้องตัดสินใจ ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช.และในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการยึดอำนาจการปกครองว่า "จะสืบทอดอำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหารต่อไป หรือจะหาทางลงจากอำนาจโดยสง่างาม" นี่จึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ของผู้ปกครองที่ต้องตัดสินใจเลือก การตัดสินใจครั้งนี้สำคัญและยากยิ่ง มีความเสี่ยงต่อชีวิตและอนาคต มากกว่าการทำรัฐประหารยิ่งนัก เพราะเรื่องทำนองนี้มีบทเรียนให้เห็นมาแล้วมากมาย จากนายทหารรุ่นก่อนๆ อยู่ที่ท่านนายกฯจะเลือกอย่างไร? ใครก็ตัดสินใจแทนไม่ได้หรือรับผลจากการตัดสินใจนั้นแทนท่านไม่ได้ ท่านต้องเป็นคนเลือกเส้นทางชีวิตนั้นเอง

พิจารณาถึงผลงานการบริหารและปกครองประเทศ ในช่วงระยะเวลา 3 ปี 6 เดือนเศษที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่านายกฯ ได้บริหารบ้านเมืองมาด้วยความราบรื่น บ้านเมืองมีความสงบสุข ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตามสมควร เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้แม้มีปัญหาอยู่บ้าง ต่างประเทศให้การยอมรับรัฐบาลไทย นายกฯ ยังเป็นที่รักเคารพ เป็นที่ยอมรับและศรัทธา มีความนิยมในระดับที่ดีตลอดมา แต่ในช่วงท้ายของรัฐบาลนี้เป็นอย่างไร ความนิยมดีขึ้นหรือตกต่ำลงย่อมเป็นที่ทราบดี เพียงแค่เจอพิษนาฬิกาบังแดดกับแหวนเพชร ก็แทบรับมือไม่ไหวแล้ว

BAH_2852

ส่วนในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่รัฐบาลและนายกฯ จำเป็นอย่างยิ่งต้องประเมินตนเองให้ดี ควรใช้เครื่องมือในการสำรวจและชี้วัดความนิยมให้ถูกต้อง เป็นวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ต้องระมัดระวังพวกประจบสอพลอ และบรรดาสมุนบริวารหรือกลุ่มการเมือง พวกหวังอำนาจและเกาะกินเพื่อผลประโยชน์ตนกับพวกพ้อง ซึ่งมักจะเชลียร์ให้ผู้มีอำนาจเสียคนมานักต่อนักแล้ว คนเหล่านั้นเห็นว่าหากท่านอยู่ในอำนาจ เขากับพวกพ้องก็จะพลอยได้อำนาจและผลประโยชน์ไปด้วย สิ้นอำนาจท่านเมื่อใดพวกเขาก็ไร้ความหมาย

สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ความเข้าใจสถานะตนเอง คสช.และท่านนายกฯ ต้องไม่ลืมว่า อำนาจการปกครองของท่านและรัฐบาล ได้มาจากการรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การยอมรับของประชาชนต่อรัฐบาลทหาร มีเงื่อนไขและเวลาจำกัด เพื่อภารกิจจำเป็นเฉพาะหน้า ประชาชนมิได้ยินยอมยกอำนาจการปกครองให้ท่านใช้อำนาจนั้นตลอดไป คณะรัฐประหารที่เคยคิดสืบทอดอำนาจ ใช้รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือ อาศัยพรรคการเมืองเป็นนอมินี เพื่อปูทางให้ตนขึ้นสู่อำนาจ สุดท้ายมีจุดจบเช่นไร ถูกประชาชนโค่นล้มขับไล่สิ้นอำนาจ ต้องยุติบทบาททางการเมือง ลงจากอำนาจแบบไม่สง่างาม แม้มีกองทัพค้ำจุนอำนาจก็ตาม ดังปรากฎในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ปี 2535 หรือแม้แต่ในยุคของจอมพลถนอม กิตติขจร ในเหตุการณ์14 ตุลาคม 2516 ก็เป็นบทเรียนในทำนองเดียวกัน

ตรงกันข้ามกับนายทหารอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อเนื่องถึง 8 ปีเศษ แม้ฝ่ายการเมืองจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯต่อไป แต่ท่านเห็นว่าตนอยู่ในอำนาจนานพอสมควร และได้บริหารประเทศ แก้ไขปัญหาบ้านเมืองลุล่วงมาด้วยดีแล้ว จึงประกาศวางมือลงจากอำนาจด้วยตนเองอย่างสง่างาม ทำให้ประชาชนยังรักเคารพ ศรัทธาและระลึกถึงผลงานการบริการประเทศที่ท่านได้สร้างผลสำเร็จ เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่ชาติบ้านเมืองตราบเท่าปัจจุบัน ยากที่จะหาใครลบล้างเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่และงดงามนั้นได้

ณ สถานการณ์ขณะนี้ ชื่อเสียง เกียรติภูมิ คุณงามความดี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สร้างและทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง ยังอยู่ในภาพแห่งความทรงจำที่ดีและงดงาม เหมาะสมแก่สถานการณ์และความจำเป็นของบ้านเมือง อยู่ในเวลาพอสมควร จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเลือกลงจากอำนาจที่สง่างาม หากคิดสืบทอดอำนาจ นับว่าอันตรายยิ่งนัก เรียนมาด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ ควรมิควรได้โปรดพิจารณา

คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน/ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3322 ฉบับ 14-16 ธ.ค.2560

 

related