"เปรมชัย" ไม่ทำหนังสือขอเข้าป่า ส่อเจตนาล่าเสือดำ

ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าระบุ "เปรมชัย" ขออนุญาตเข้า "ทุ่งใหญ่นเรศวร" ด้วยวาจาเท่านัน และเชื่อว่าคณะของ เปรมชัย มีเจตนาล่าสัตว์ เพราะตั้งแคมป์ห่างจากจุดอนุญาต

นางสาวกาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก มีการรายงานจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูตร และพวก กรณีลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธุ์ ผู้ประสานงานของนายเปรมชัย ได้โทรศัพท์มาขออนุญาตเข้าศึกษาเส้นทางธรรมชาติ และกางเต็นท์พักแรมในวันที่ 3 -5 กุมภาพันธุ์ แต่ไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งตามปกติแล้วการขออนุญาตเข้าพื้นที่จะต้องดำเนินการขออนุญาตก่อนเข้าพื้นที่อย่างน้อย 5 วัน แต่การเข้าไปในพื้นที่ของนายเปรมชัย กับพวก มีพฤติการณ์ชัดเจนที่เชื่อได้ว่าเป็นการเตรียมการมาล่าสัตว์ เนื่อจากพฤติกรรมเอื้ออำนวยด้วยหลักฐานของกลางที่ยึดได้ โดยเฉพาะอาวุธปืนและซากสัตว์ป่า รวมไปถึงการไม่ตั้งเต้นอยู่ในจุดที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ แต่ห่างออกไปอีก 5-7 กิโลเมตร ทั้งที่มีการตักเตือนแล้ว

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจค้นอาวุธของผู้ที่จะเข้าพื้นที่ หรือเลือกปฏิบัติ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยอมรับ ว่าการตรวจแต่ละครั้งเป็นการสุ่มตรวจ ไม่เฉพาะเจาะจง อีกทั้งกรมอุทยานฯไม่มีเครื่องสแกนโลหะ และไม่คาดคิดว่าบุคคลที่อยู่ในระดับผู้บริหารระดับประเทศ จะกล้าทำเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ปฏิตามขั้นตอนอย่างเต็มแล้ว ซึ่งในส่วนของคดีล่าสุดได้ส่งชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ลงพื้นที่ช่วยรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมยิ่งขึ้น ยืนยันไม่เคยรู้จักกับนายเปรมชัย และพวกเป็นการส่วนตัว โดยจะส่งตัวผู้ต้องหาให้ตำรวจดำเนินคดีได้ภายใน 1-2 วันนี้

อย่างไรก็ตามส่วนตัว ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เห็นด้วยกับการเสนอปรับแก้ไข พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พศ.2535 ให้มีอัตราโทษที่สูงขึ้น

สำหรับจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ยังไม่พบข้อมูลว่ามีการเคยขอเข้ามาพักค้างแรมและศึกษาเส้นทางธรรมชาติในพื้นที่