svasdssvasds

"มานิจ" เผยกรรมการปฏิรูปตำรวจ จ่อยกเครื่องโรงพัก ใช้โดรนจับคนร้าย

"มานิจ" เผยกรรมการปฏิรูปตำรวจ จ่อยกเครื่องโรงพัก ใช้โดรนจับคนร้าย

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ยกเครื่องโรงพัก 1,400 แห่งทั่วประเทศ หวังยกระดับการทำงานตำรวจให้ทันสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงโลกและอาชญากรรมใหม่ พร้อมแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เตรียมนำ 3 ร่างกม.สำคัญ สอบถามความเห็น 20 ก.พ.นี้

นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานอนุกรรมการด้านสื่อสารกับสังคม ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้พิจารณาประเด็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับสถานีตำรวจ 1,400 สถานีทั่วประเทศ หรือเรียกว่าการยกเครื่องโรงพัก ใน 3 ระดับ คือ ระดับ S ให้มีตำรวจจำนวน 50-70 นาย ระดับ M จำนวน 100-120 และระดับ L 180-220 นาย โดยมีเหตุผล 5 ประการคือ

1.เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทุกโรงพักมีทรัพยากรเพียงพอ มีความพร้อมในการปฏิบัติงานในพื้นที่ และสามารถทำหน้าที่อย่างทันสมัย รองรับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะสามารถรับมือกับอาชญากรรมใหม่ๆ ได้ อาทิ การใช้จีพีเอสติดตามตัว การใช้โดรนไล่ล่าคนร้าย

2. เพื่อให้การปฏิบัติงานในระดับสถานีตำรวจมีความเป็นมืออาชีพ อย่างมีมาตรฐาน

3.มีระดับควบคุมภายใน โดยผ่านกลไกจเรตำรวจที่ได้รับการออกแบบใหม่

4.เพื่อสามารถทำงานเป็นเครือข่ายและเปิดให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของตำรวจ ตามแนวทางประชารัฐ โดยเฉพาะการสมคบทรัพยากร

5. สามารถวัดผลงาน ผลสัมฤทธิ์ได้อย่างเปิดเผย โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อการกระจายงบประมาณ การกระจายกำลังพลในการให้บริการประชาชน โดยไม่เป็นภาระแก่ตำรวจในการหาขอความอุปถัมภ์จากพ่อค้า ประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดระบบอุปถัมภ์ลงได้

นายมานิจ กล่าวว่า การยกระดับครั้งนี้ จะมีคู่มือเป็นพันธะสัญญา ให้กับตำรวจในการปฏิบัติงานให้กับประชาชนอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ด้วยการกำหนดเวลาในภารกิจอย่างชัดเจน อาทิ การเปรียบเทียบปรับตามใบสั่ง จะใช้เวลา 30 นาที การรับแจ้งของหาย เอกสารหาย ภายใน 30 นาที การจัดทำสำเนาบันทึกประจำวัน ภายใน 2 ชม.

นายมานิจ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นด้วยกับการยกเลิกคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) จะมีชุดใหม่คณะกรรมการชุดใหม่มาทดแทน ทั้งในระดับโรงพักและระดับจังหวัด ประกอบด้วย ตำรวจ ประชาชน หน่วยงานภาคเอกชน และหน่วยงานท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นไปตามโมเดลประชารัฐ ที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วม ส่วนประเด็นที่ยังเห็นต่างๆ คือ หน่วยงานที่จะมากำหนดนโยบาย พัฒนางานไม่ควรตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ โดยมอบหมายให้สำนักหน่วยงานยุทธศาสตร์ การตรวจตราปฏิบัติงานเป็นหน้าที่จเรตำรวจ และกรรมการอิสระรับเรื่องรองเรียนตำรวจ โดยทั้งหมดนี้ คณะกรรมการฯ จะนำไปรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องในวันที่ 20 ก.พ. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ จากนั้น นำข้อเสนอมาให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะแก้ไขหรือยืนยันตามเดิม ก่อนเสนอต่อรัฐบาล โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยในวันดังกล่าวจะมีการนำร่างกฎหมาย 3 ฉบับเข้าสอบถามความคิดเห็นด้วย ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.อำนาจในการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลวิธีพิจารณาความอาญา

related