ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่มีชาวบ้านในเขตพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลายร้อยคน ได้ออกมาแสดงพลังคัดค้นการประกาศเขตพื้นที่โบราณสถาน ของกรมศิลปากร ภายหลังจากที่ทางกรมศิลปากร ได้ทำหนังสือส่งถึงประชาชน จำนวน 1,665 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 2,658 ไร่ 25 ตารางวา ในเขตบริเวณโดยรอบอุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพิมาย เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ได้ทราบว่า ทางกรศิลปากร จะอาศัยอำนาจตามตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพื่อประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นเขตโบราณสถาน โดยหนังสือระบุวันที่แจ้งมาตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.60 แต่หนังสือเพิ่งมาถึงชาวบ้านเมื่อวันที่ 6 ก.พ.61 ซึ่งมีกำหนดให้ชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วย สามารถไปใช้สิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ภายใน 30 วันนั้น ได้สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.พิมายเป็นอย่างมาก จนได้มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านจำนวนมาก
วันที่ 26 ก.พ. 61 ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการประกาศของกรมศิลปากรครั้งนี้ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศเขตโบราณสถานครอบคลุมพื้นที่จำนวนมาก แต่สนับสนุนให้ประกาศเฉพาะเขตพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของตัวปราสาทหินพิมายเท่านั้น โดยนายณัฐวัจน์ ศรีตระกูล อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251/6-7 ม.2 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากที่กรมศิลปากร ได้ส่งหนังสือถึงตนเรื่องการประกาศให้พื้นที่บ้านของตนเป็นพื้นที่โบราณสถานนั้น ตนก็ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาก็ได้รับรู้กรณีของ จ.สุโขทัย ที่กรมศิลปากรประกาศเป็นพื้นที่โบราณสถานแล้ว ก็ทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยโดยรอบได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถต่อเติมบ้านเรือนได้เลย แม่ว่าช่วงนี้กรมศิลปากร จะบอกว่ายังไม่ได้เอาที่ดินไปทำอะไรก็ตาม แต่ต่อไปเมื่อได้ออกเป็นราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะรู้ว่าความยากลำบากเกิดขึ้นมาแน่นอน ครอบครัวตนเองอยู่ในพื้นที่ อ.พิมาย มาเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ก็ไม่อยากถูกควบคุมที่ดิน การก่อสร้าง ต่อเติม อาคารต่างๆ อยากให้มีสิทธิทำอะไรก็ได้ ในที่ดินของตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ด้านนายวิธาน อังครงค์รักษ์ อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 251/1-2 ม.2 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การประกาศเป็นเขตโบราณสถาน ตนเองซึ่งเป็นคนทำธุรกิจอยู่ใน อ.พิมาย ก็รู้สึกวิตกกังวลมาก เนื่องจากมูลค่าของที่ดินจะประเมินไม่ได้ ไม่มีธนาคารใดจะประเมินเพื่อซื้อขายได้เลย แม้ขณะนี้หลายธนาคารก็เริ่มที่จะปฏิเสธประเมินที่ดินซื้อขายในพื้นที่จะประกาศเป็นเขตโบราณสถานแล้ว บางคนที่กู้เงินไปแล้ว เมื่อธนาคารเรียกเงินคืน แล้วชาวบ้านจะไปหาเงินมาส่งให้ทันได้อย่างไร
ส่วนนายดนัย ตั้งเจิดจ้า นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพิมาย กล่าวว่า เดิมทีนั้นทางกรมศิลปากร แจ้งให้ชาวบ้านทราบเพียงบางส่วน ว่าการประกาศเขตโบราณสถานครั้งนี้เพื่อต้องการที่จะพัฒนาเมืองให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อจำกัดอาคารสูง และเมื่อต้องการก่อสร้างในพื้นที่โบราณสถาน ต้องขอไปที่อธิบดีกรมศิลปากรเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะเดิมทีก็มี พ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ถูกแจ้งความบุกรุก
ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้งที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นเขตโบราณสถานเลย ทั้งนี้ประชาชนเห็นด้วยที่จะประกาศเขตโบราณสถาน แต่ต้องเป็นพื้นที่ซึ่งตั้งปราสาทหินพิมายจริงๆ เท่านั้น เพราะเห็นชัดเจนอยู่แล้ว แต่อย่ามาเหมารวมพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านโดยรอบ เนื่องจากประชาชนอาศัยอยู่มานานหลายชั่วอายุคนแล้ว ปัจจุบันก็มีรั้วรอบขอบชิด เป็นสัดส่วนของที่อยู่แต่ละครอบครัว มีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินครอบครองอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงได้มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ก็มีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองแล้วประมาณ 300 ราย.