กองปราบแจ้งความ ปปป. เอาผิด พล.ต.ต.สุทธิ เอี่ยวแก้สาระสำคัญในสำนวน หวย 30 ล้าน เตรียมเรียกเจ้าตัวมาสอบปากคำ ก่อนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ฟัน
พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแก้ไข เปลี่ยนแปลงสำนวนคดีสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ว่า ล่าสุด ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษ จาก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐาน ต่างเชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ได้
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะลงบันทึกประจำวัน รับเป็นเลขคดี และเรียกพล.ต.ต.สุทธิ มาสอบปากคำรวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาชี้มูลความผิดโดยเร็วที่สุด และ ป.ป.ช. จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน ก่อนชี้มูลความผิดมาที่พนักงานสอบสวน
ส่วนตำรวจอีก 2 นาย ที่มีคำสั่งให้มาช่วยราชการ ที่กองบังคับการปราบปรามก่อนหน้านี้ จะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา ให้กันไว้เป็นพยาน โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าภายในเอกสารสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีลายเซ็นหรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ตกค้างอยู่บนสำนวนหรือไม่ หากพบว่ามี ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกันพยานไว้ประกอบในสำนวนคดี แต่หากไม่พบ ก็มีความจำเป็นต้องกันพยานไว้ ส่วนจะกันไว้กี่คน ยังต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีก่อน
ส่วนพฤติการณ์ของอดีตผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี จะตรงกับข้อมูลภายในเอกสารลับ 4 หน้า ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้บางส่วน ในคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวน ได้มากกว่าเอกสารที่ถูกเปิดเผยออกมา แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้
ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าอดีตผู้การนายดังกล่าวมีการสั่งให้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคดี เช่น สถานที่เกิดเหตุ วันเกิดเหตุ ส่วนรายละเอียดนอกจากนี้เป็นเรื่องในสำนวน ส่วนการต่อสู้คดีของผู้การจังหวัดกาญจนบุรี จะมีการต่อสู้คดีเช่นบุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้ ซึ่งตนเองไม่เป็นห่วงการต่อสู้ดังกล่าว ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของพนักงานสอบสวน ถึงจะมีความรู้ในเรื่องกฏหมายก็ใช่ว่าเป็นตำรวจก็ไม่มีความผิดโดยในวันพรุ่งนี้จะเรียกร้อยตำรวจเอก มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม ในประเด็นที่เจ้าหน้าที่ยังสงสัย
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ยืนยันว่าตำรวจ 2 นายที่เข้ามาช่วยราชการก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีดังกล่าว เนื่องจากได้สั่งการให้ทั้ง 2 คนไปทำหน้าที่อื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดี ส่วนก่อนหน้านี้ที่ตำรวจทั้ง 2 นาย มีความเครียดเป็นอย่างมากในระหว่างถูกควบคุมตัว สอบสวน ล่าสุดได้รับการรายงานว่าทั้งคู่มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ได้มีการสั่งให้จับตาดูเป็นพิเศษเนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งการดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวรือว่ามีการข่มขู่พยานที่เป็นตำรวจ ทั้ง 2 นาย ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานรวมถึงการข่มขู่พยานคนอื่นๆในคดีนี้