ฝรั่งเศส-สหรัฐฯ ยืนยัน ไม่ได้ยิงจรวดถล่มซีเรีย

โฆษกกองทัพฝรั่งเศส แถลงยืนยันว่า ฝรั่งเศสไม่ได้สั่งโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธ ถล่มฐานทัพอากาศเทย์ฟูร์ของกองทัพซีเรีย ขณะที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้โจมตีเช่นกัน แต่ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำลังหามาตรการเพื่อลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย

ล่าสุด กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ซึ่งหนุนหลังรัฐบาลซีเรีย ออกมากล่าวโทษว่า อิสราเอล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีในครั้งนี้ โดยใช้เครื่องบินรบของอิสราเอล รุ่น F-15 จำนวน 2 ลำ โจมตีจากชายแดนเลบานอน

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ยกหูโทรศัพท์และตกลงร่วมมือกันดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย โดยแถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำของสหรัฐฯและฝรั่งเศสขอประณามการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในครั้งนี้ ซึ่งประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรีย ต้องออกมารับผิดชอบที่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวซานาของรัฐบาลซีเรียรายงานว่า การโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลซีเรียตั้งข้อสันนิษฐานว่า นี่อาจเป็นการโจมตีของสหรัฐฯ เนื่องจากเหตุโจมตีเกิดขึ้นไม่นาน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯทวิตข้อความประณามกองทัพของรัฐบาลซีเรียที่ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน ทั้งผู้หญิงและเด็ก

สำหรับกรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพซีเรีย หนุนโดยรัสเซีย ได้ถล่มเขตโกวตาตะวันออกมายาวนานถึง 7 สัปดาห์ เพื่อกวาดล้างกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนมากกว่า 1 พัน 700 คน และอีกหลายพันคนต้องหนีตายออกจากพื้นที่ ขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเกิดการใช้อาวุธเคมีประเภทแก๊สคลอรีนในเมืองโดวมาของโกวตาตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ไม่กี่แห่งที่กลุ่มต่อต้านยังยึดครองอยู่ โดยมีผู้บาดเจ็บมารักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยอาการถูกอาวุธเคมีมากกว่า 500 ราย