จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีชาวโรฮิงญาคนใด ที่ลี้ภัยไปบังกลาเทศ ได้กลับบ้านเกิด แม้จะบรรลุข้อตกลงมาหลายเดือนแล้ว และแม้จะกลับไป พวกเขาอาจไม่เหลือสิ่งที่เรียกว่าบ้านของตนเองอีกต่อไป
ธงชาวพุทธยะไข่โบกสะบัดเหนือประตูทางเข้าของหมู่บ้าน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถิ่นพำนักของชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ทางตอนเหนือของเมียนมา
มาวันนี้ ชาวพุทธยะไข่ ย้ายเข้ามาอาศัยแทน เมื่อชาวโรฮิงญาลี้ภัยหนีไปบังกลาเทศ จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สถานการณ์ที่สหประชาชาติเรียกว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา
เมื่อชาวโรฮิงญาจากไป กองทัพและรัฐบาลพลเรือนเมียนมาในพื้นที่ เริ่มการรื้อถอน ก่อสร้างถิ่นฐานแห่งใหม่ เหนือซากปรักหักพักที่ทหารเมียนมาเผาจนวอด ในฉากหน้าของคำกว่า การกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญา ด้วยข้ออ้างว่า นี่เป็นการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของชุมชน
[caption id="attachment_232807" align="aligncenter" width="1600"] ชิต ซัน เอี่ยน แม่บ้านจากหมู่บ้านสิ่นของ ในรัฐยะไข่ "พวกเรากลัวชาวมุสลิมมาก และไม่ได้มีแผนจะมาอยู่ที่นี่ แต่พอชาวโรฮิงญาไม่อยู่แล้ว เรามีโอกาสกลับมาอยู่กับญาติของเราอีกครั้ง"[/caption]
ชาวโรฮิงญาเกือบ 7 แสนคน หนีตายไปบังกลาเทศ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ที่ไม่อยากละทิ้งบ้านเกิด ไปอาศัยอยู่บนเกาะร้าง บริเวณพรมแดนระหว่างเมียนมาและบังกลาเทศ เพราะกลัวว่า หากข้ามพรมแดนไปแล้ว จะกลับเข้าประเทศไม่ได้ รวมถึงต้องการแสดงจุดยืนว่า พวกเขาไม่ใช่ชาวเบงกาลีตามที่รัฐบาลเมียนมากล่าวอ้าง แต่พวกเขาเป็นพลเรือนชาวเมียนมา
แม้รัฐบาลเมียนมาจะบรรลุข้อตกลงกับบังกลาเทศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ให้ชาวโรฮิงญากลับเข้าเมียนมาได้อีกครั้ง แต่อย่างที่เราได้เห็น บ้านเกิดของชาวโรฮิงญาแทบไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป ถิ่นฐานที่เป็นหลักฐานถึงความเป็นอยู่ของพวกเขามาหลายชั่วอายุคน ได้กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว