ศศินย้ำอย่าให้ "เปรมชัย"ใช้เงินซื้อผิดเป็นถูก ชวนปชช.ลงชื่อ ต้านรัฐบาลลงทุนกับอิตาเลียน-ไทย

วันนี้(28 เม.ย.) นับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์เฟซบุ๊ค เกี่ยวกับภาพนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยข้อความที่นายเปรมชัย ยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าเสือดำ ขณะเดียวกันก็มีรูปเสือดำ และข้อความกำกับไว้ แสดงถึงความตกใจที่โดนยิงและมีคนเห็นใจจำนวนมาก

พร้อมด้วยข้อความที่นายศศิน โพตส์เกี่ยวกับนายเปรมชัย ซึ่งมีนัยยะสำคัญหลายประเด็น ไม่ว่าในแง่ของการเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นบริษัทอิตาเลียนไทย ที่นายเปรมชัย ยืนยันต่อผู้ถือหุ้นว่าได้โทรศัพท์สอบถามหน่วยงานของรัฐบาล เกี่ยวกับการลงทุนก่อสร้างของบริษัทอิตาเลียนไทยกับรัฐบาลไทย ซึ่งก็พบว่าไม่ได้ถูกระงับโครงการใดๆ

แต่สิ่งที่ทำให้นายเปรมชัย ตกใจคือกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่เขาทำว่าไม่ถูกต้อง หลังปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าเสือดำและพยายามใช้เงินเพื่อไม่ให้ตนเองต้องติดคุก โดยข้อความระบุว่า “ แต่ที่ผิดที่สุดคือการออกมาปฎิเสธความผิด เตรียมให้ลูกจ้างอีกสามคนเป็นแพะรับบาป ต่อสู้ให้รอดพ้นความผิดด้วยเทคนิคกฏหมาย ผ่านการจ้างทนายความที่ว่าผิดเป็นถูก ผ่านการขอแลกผลประโยชน์กับความช่วยเหลือเพื่อให้ได้ไปถึงเป้าหมายนั้น ผิดที่สุดคือตั้งใจทำลายสังคม ให้สังคมเห็นว่าคนรวยทำผิดไม่ต้องติดคุก มีคนขายชีวิตแลกเศษเงิน ทำลายความตั้งใจรักษาป่าของเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่ ทำลายความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม" พร้อมกับย้ำว่า วันที่ 5 พ.ค.นี้ เจอกันที่ตลาดนัดคนรักษ์ป่า มาคุยกันว่าเราจะยอมให้คนอย่างคุณเปรมชัยทำลายบรรทัดฐานของสังคมต่อไปไหม

นอกจากนี้ นายศศิน ยังแชร์ลิงก์ change.org ที่รณรงค์ขอรายชื่อผู้สนับสนุนจำนวน 1 หมื่นคนเพื่อขอให้ภาครัฐงดทำสัญญากับบริษัทอิตาเลียน-ไทย และบริษัทที่ไร้ธรรมาภิบาล ส่วนเนื้อหาในการรณรงค์นั้นได้ระบุว่า การดำเนินคดีกับนายเปรมชัย นั้นยังไม่สิ้นสุด แต่บริษัทอิตาเลียน-ไทย กลับไม่ดำเนินการใดๆ ต่อการกระทำของนายเปรมชัย ทั้งที่บริษัทมีข้อกำหนดด้านจริยธรรมธุรกิจและจรรยาบรรณ ที่จะต้องไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการขาดธรรมาภิบาลในการรับผิดชอบต่อส่วนรวม

ในฐานะประชาชนและผู้เสียภาษี จึงอยากแสดงจุดยืนและเรียกร้องให้ภาครัฐร่วมกันงดการจัดซื้อจัดจ้าง ทำสัญญา ทำธุรกิจกับบริษัทที่ขาดธรรมาภิบาล โดยเฉพาะบริษัทอิตาเลียน-ไทย ซึ่งได้รับสัมปทานก่อสร้างจากภาครัฐจำนวนมาก และให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างกับบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับภาครัฐ ให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม คำนึงถึงความรับผิดต่อสังคม สร้างบรรทัดฐานต่อธรรมาภิบาลกับบริษัทในทุกๆด้าน และให้สามารถบังคับใช้ได้จริง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินภาษีของประชาชนถูกนำไปพัฒนาประเทศได้อย่างคุ้มค่า