นายอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามออกมาตรการเข้ม หลังเกิดเหตุบั้งไฟขนาดใหญ่ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่
ความคืบหน้าหลังกิดเหตุบั้งไฟขนาดใหญ่ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านขามป้อม หมู่ 1 ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้านขามป้อม ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เพื่อพบกับ นางวิไล กันหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านขามป้อม บริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้านซึ่งที่นาของนางวิไล และเป็นจุดที่บั้งไฟตกใส่หลังคาคอกเลี้ยงไก่ได้รับความเสียหาย นางวิไลได้ชี้ให้ดูขนาดความใหญ่ของบั้งไฟ10ล้าน ซึ่งเป็นท่อพีวีซีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 10 นิ้ว ยาวประมาณ 4 เมตร มีลวดมัดผูกไว้กับไม้ไผ่ขนาดความสูงรวมกว่า 10 เมตร บริเวณช่วงกลางของตัวบั้งไฟ มีรอยปริแตก และที่ตัวบั้งไฟ มีการเขียนสัญลักษณ์ไว้ด้วยว่า บั้งไฟ10ล้านดังกล่าวเป็นของใคร บนยอดบั้งไฟมีการเขียนเลขกำกับไว้คือเลข 300420
นางวิไล เล่าว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ที่นา ทราบเรื่องตอนที่เพื่อนบ้านโทรศัพท์แจ้งว่ามีบั้งไฟตกใส่หลังคาเล้าไก่ จึงรีบไปดูเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นบั้งไฟที่จุดขึ้นจากหมู่บ้านนาเลา ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร ต่อมาไม่นานคณะผู้จัดงานก็เดินทางมาดูความเสียหาย พร้อมกับบอกว่าอย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายหรือซ่อมแซมหลังคา รอให้ประกันมาตรวจสภาพและประเมินความเสียหาย เพื่อที่จะชดใช้ค่าเสียหาย
ด้าน นายวันชัย ศรีวงษ์ญาติดี นายอำเภอวาปีปทุม กล่าวว่าฝ่ายปกครองถือเป็นหน่วยงานที่เข้ามาควบคุมดูแลการขออนุญาติจุดบั้งไฟในงานประเพณีบุญบั้งไฟ หลังจากนี้ไปจะมีมาตรการควบคุมดูแลเรื่องการจุดบั้งไฟ หรือแม้แต่จุดพลุตะไล อย่างเข้มข้นมากกว่านี้ คือไม่ว่าจะจุดบั้งไฟ หรือจุดพลุตะไลในงานศพหรืองานต่าง ๆ ต้องขออนุญาตทุกครั้ง หากไม่ขอก็ถือเป็นความผิด ซึ่งในการจัดงานครั้งหน้า จะเรียกคณะผู้จัดงาน เข้ามาพูดคุยกันถึงมาตรฐานต่าง ๆ ในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย