"แม่ทัพภาค4" สั่งคุมเข้ม! หลังเหตุป่วนใต้ ลั่นรู้ตัวคนร้ายแล้ว

หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดพร้อมกันในพื้นที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาสและสงขลาบางส่วน ซึ่งจังหวัดปัตตานีระเบิดรวม 7 จุด เขตเทศบาล 4 จุด และอ.ยะรัง 1 จุด อ.หนองจิก 1 จุด และอ.สายบุรี 1 จุด เป็นตู้กดเงิน เอทีเอ็ม ทำให้ตู้เสียหายและมีผู้บาดเจ็บรวม 3 คน

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ พร้อมด้วยพลตรีจตุพร กลัมพสูต ผบ.ฉก.ปัตตานี ได้เดินทาง ตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายลอบวางระเบิดตู้กดเงินเอทีเอ็ม ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีรวม 4 จุด หน้าธนาคาร ธกส.หน้าตู้ ATM และหน้าธนาคารอิสลาม ถนนยะรัง และ หน้าธนาคารกสิกรไทย และหน้าตู้ATM ออมสิน หน้าวิทยาลัยเทคนิค ที่คนร้าย ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ และกระจายกำลังนำระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยแบตเตอร์รีรถจักรยานยนต์ ลอบวางระเบิด ตู้เอทีเอ็ม ทั้ง 7 จุด ช่วงค่ำวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 คน นั้น

แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ ระบุว่า เหตุระเบิดเงียบหายไป 5-6 ปี แล้ว กลุ่มที่มาก่อเหตุเป็นการก่อเหตุเพื่อแสดงศักยภาพว่าได้กลับมาอีกครั้ง เป็นการกระทำของแนวร่วมรุ่นเก่า แต่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจขณะนี้รู้ตัวแล้วรอรวบรวมพยานหลักฐาน คิดว่าไม่ยากเพราะกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้

ในด้านการรักษาความปลอดภัยประชาชน ได้ให้ความปลอดภัยประชาชนเหมือนเดิมแต่เข้มงวดมากขึ้น จะไม่ประมาทเราต้องเตรียมการมากขึ้น ด่านจุดตรวจมีอยู่แล้ว และกำลังประจำถิ่นเพิ่มมากขึ้น แต่จุดก่อเหตุเป็นจุดล่อแหลม ใครๆก็กดตู้เอทีเอ็มได้ ต่อไปคงต้องใช้มาตรการร์มากขึ้น หรืออาจจะปรึกษากับ ธนาคาร ต้องให้ตู้เอทีเอ็ม อยู่ภายในและให้ยาม หรือ รปภ.ของธนาคาร ช่วยดูแล อาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการ เพราะอาจจะมีมาตรการณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้คงต้องคุยทั้ง 3 ฝ่ายเพื่อหามาตรการณ์ในการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน