svasdssvasds

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

เปิดตำนาน "ขนมโมจิ" เคยถูกห้ามทำ ห้ามขายเพราะเป็น "ขนมของกบฏ" ความเป็นมาจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลย

ขนมโมจิหรือขนมที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า วากาชิ (Wagashi) เป็นขนมหวานที่ชาวญี่ปุ่นทำกินและขายกันมายาวนานถึง 1,300 ปีมาแล้ว ซึ่งโดยปกติชาวญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยรับประทานขนมหวานกันสักเท่าไร แต่ขนมวากาชิจะถูกทำขึ้นในโอกาสพิเศษ เช่น พิธีชงชา หรืองานแต่งงานของญี่ปุ่นเท่านั้น ขนมโมจิเข้ามาในไทย เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นตอนที่กองทัพญี่ปุ่น มาตั้งฐานทัพในจังหวัดนครนายก ซึ่งชาวบ้านในบริเวณนั้นได้นำสินค้าต่างๆมาค้าขายกับทหารญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว (ปัจจุบันคือพื้นที่ของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและบริเวณใกล้เคียง)

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

นางพันนา อายุประมาณ 18 ปี ทำการค้าขายขนมในค่ายทหารกับญาติๆ เช่นขนมไข่เหี้ย กล้วยทอด ซาลาเปาทอด ขายจนได้รู้จักกับทหารหนุ่มชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นหมอ และได้เกิดมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน และวันหนึ่ง ทหารญี่ปุ่นก็ต้องโยกย้ายไปที่อื่น แต่ก่อนจากไปนั้น ทหารได้สอนนางพันนาทำขนมโมจิ และบอกกับเธอว่า ขนมนี้จะเป็นตัวแทนของซาโต้ และเป็นตัวแทนของประเทศเขา ถ้าเขาไม่อยู่และนางพันนาคิดถึง ซาโต้ ให้ทำขนมนี้ ซาโต้ จะกลับมา

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

เมื่อทหารญี่ปุ่นได้สอนจนทำเป็น ซาโต้ กินขนมโมจิ แล้วบอกกลับนางพันนาว่า นางพันนาทำขนมญี่ปุ่นโมจิได้อร่อยที่สุด ก่อนที่ทหารญี่ปุ่นจะจากไป ซาโต้บอกกับนางพันนาว่า หากวันใดคิดถึงเขาให้ทำขนมโมจิ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ซาโต้จะกลับมาหานางพันอีก ถ้าจะทำขายก็ทำได้ และแล้วซาโต้ก็จากไป แต่นางพันนา ก็ยังคงทำอาชีพหาบของขายขนมญี่ปุ่นโมจิให้กับกองทัพทหารญี่ปุ่นต่อไป ต่อมาญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นจึงกลับประเทศ

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

แต่นางพันนายังทำขนมโมจิขายให้กับผู้คนในจังหวัดนครนายก จนวันหนึ่งทหารไทยบอกกับนางพันนาว่า ขนมที่ทำขายอยู่ ห้ามกิน ห้ามทำ ห้ามขาย เพราะเป็นขนมของญี่ปุ่น ขนมนี้มันคือขนมกบฏ นางพันนาจึงไม่ได้ทำขนมโมจินี้ขาย แต่ทุกๆครั้งที่คิดถึงซาโต้ นางพันนาก็จะแอบทำขนมโมจินี้ เพื่อแทนความคิดถึงหนุ่มญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่รัก และทุกครั้งที่ทำนางพันนาทำขนมโมจินี้ จะตั้งจิตอธิษฐาน สวดมนต์ภาวนาให้ซาโต้กลับมากินขนมของตัวเอง วันแล้ว วันเล่า นานหลายสิบปีจนทุกคนลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

จนกระทั่งพ.ศ. 2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบประวัติเรื่องขนมโมจินี้ จึงให้ทหารคนสนิทไปสืบหาที่มาขนมโมจิสูตรดังกล่าว ซึ่งได้ไปหาอยู่หลายที่และนำมาให้เสวย แต่พระเทพทรงตรัสว่าไม่ใช่ขนมโมจิสูตรที่ตามหา ต่อมาอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครนายก ได้ประชาสัมพันธ์และสืบหาจนได้ทราบจากนายมานพ ศรีอร่าม ข้าราชการพัฒนาชุมชนว่าผู้ที่ทำขนมโมจิดังกล่าวคือมารดาของตัวเอง ในขณะนั้นมีอายุมาแล้วแต่ความทรงจำยังดี สามารถเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตได้เป็นอย่างดี พร้อมได้สอนให้บุตรและบุตรสะใภ้ได้ทำขนมดังกล่าวถวายสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งยายพันนารอคอยวันนี้มานานแสนนาน

น้อยคนจะรู้!!! เปิดประวัติ "ขนมโมจิ" ขนมต้องห้าม ขนมของ "กบฏ"

วันนี้ วันที่ขนมโมจิของแกได้ถูกเผยแพร่อีกครั้ง เหมือนได้บอกกับซาโต้ว่ายังมีสาวบ้านนาคนนี้รออยู่ ปัจจุบันยายพันนาได้จากไปแล้ว โดยได้รับพระราชทานเพลิงศพจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และปัจจุบันขนมโมจิสูตรดังกล่าวได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีรสชาติที่อร่อย กลมกล่อม และมีไส้ให้เลือกหลายชนิด เอกลักษณ์ของขนมโมจิสูตรสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีความพิเศษแตกต่างจากขนมโมจิที่วางขายในจังหวัดอื่น เนื่องจากขนมโมจิสูตรนครนายกทำจากแป้งข้าวเหนียวและนำไปต้ม จะมีความเป็นเอกลักษณ์ คงความสดอร่อย นุ่มและกลมกล่อม รวมทั้งมีไส้ที่หลากหลาย รสชาติจึงใกล้เคียงกับขนมโมจิสูตรดั้งเดิม (ประเทศญี่ปุ่น) ที่สุดนั้นเอง

related